ยืดเวลาให้ความทรงจำ ด้วยนวัตกรรม Neofect และยาชะลออาการอัลไซเมอร์

บทความสุขภาพ
อัลไซเมอร์

อัลไซเมอร์ ไม่ใช่แค่โรค “ขี้ลืมตามวัย” แต่เป็นโรคที่สมองเกิดความเสียหายและการทำงานของเซลล์ประสาทถูกรบกวนจากโปรตีนที่สะสมผิดปกติ ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นก่อนที่ความทรงจำจะค่อย ๆ เลือนหาย แนะนำตรวจอัลไซเมอร์ตั้งแต่เริ่มสงสัย เพื่อเริ่มการฝึกสมองและพิจารณายาชะลออาการเสื่อมได้ทันเวลา

โรคอัลไซเมอร์ คืออะไร

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่ง เกิดจากการสะสมของโปรตีนเบต้า–แอมะลอยด์ (β-amyloid) และโปรตีนเทา (tau) ในสมองผิดปกติ ทำให้โครงสร้างสมองเสียหายและการทำงานของเซลล์ประสาทถูกรบกวน ส่งผลกระทบต่อความจำ การคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจ เมื่ออาการเป็นมากขึ้นมักจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันค่อย ๆ แย่ลง 

โรคอัลไซเมอร์แตกต่างจากสมองเสื่อมอย่างไร

สมองเสื่อม (Dementia) เป็น “ภาวะ” ที่สมองเสื่อมถอย ทำให้ความจำ การคิดวิเคราะห์ และการใช้ชีวิตประจำวันบกพร่อง ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง การติดเชื้อ ขาดวิตามิน หรือพาร์กินสัน โดยที่ โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นเพียง “หนึ่งในสาเหตุของสมองเสื่อม” และเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด ดังนั้นทุกคนที่เป็นอัลไซเมอร์จะมีอาการสมองเสื่อม แต่ผู้ที่มีสมองเสื่อมทุกคนไม่ได้หมายความว่าเป็นอัลไซเมอร์เสมอไป

ระยะ MCI สัญญาณเตือนก่อนเข้าสู่อัลไซเมอร์เต็มตัว

ภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย หรือ MCI (Mild Cognitive Impairment) คือระยะกึ่งกลางระหว่างภาวะสมองเสื่อมตามวัยปกติและภาวะสมองเสื่อม อาการหลักที่มักสังเกตได้ ได้แก่ 

ความจำเริ่มถดถอย 

โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เช่น ลืมว่าวางของไว้ที่ไหน ลืมบทสนทนาที่เพิ่งคุย หรือถามเรื่องเดิมซ้ำหลายครั้ง

ด้านสมาธิและความคิดวิเคราะห์

เช่น ตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ ได้ยากขึ้น ทำงานบ้านหรือจัดการเรื่องการเงินติดขัด ใช้คำพูดลดลง หรือสื่อสารได้ไม่คล่องเหมือนเดิม หรือหลีกเลี่ยงการเข้าสังคมเพราะรู้สึกไม่มั่นใจ 

Hการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และพฤติกรรมร่วมด้วย 

เช่น หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า ไม่กระตือรือร้น หรือมีความคิดหลงผิด เช่น คิดว่ามีคนมาขโมยของในบ้านตัวเอง

ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นตามความเสื่อมของสมองที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม โดยบางรายอาจพัฒนาไปสู่ภาวะสมองเสื่อมได้ (MCI to Dementia) จึงควรได้รับการประเมินตั้งแต่เนิ่น ๆ

จะรู้ได้อย่างไรว่ามีความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์หรือไม่

ปัจจุบันมีการตรวจหลากหลายวิธี ได้แก่ 

  1. การซักประวัติผู้ป่วยและญาติอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของผู้ป่วย
  2. ทำแบบทดสอบที่เรียกว่า TMSE (Thai Mental State Examination) หรือ MoCA (Montreal Cognitive Assessment) เพื่อประเมินความสามารถของสมองและระดับความรุนแรงของสมองเสื่อม
  3. ตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมอื่นๆ ที่อาจเกิดได้
  4. เจาะน้ำไขสันหลัง เพื่อตรวจระดับของโปรตีนในน้ำไขสันหลัง (CSF) ได้แก่ โปรตีนแอมะลอยด์และโปรตีนเทา เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์
  5. ตรวจเทคโนโลยี PET Scan หรือสแกนด้วยรังสีเพื่อตรวจหาความผิดปกติทางสมอง โดยใช้สาร ตรวจจับโปรตีนแอมะลอยด์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในเรื่องการตรวจวินิจฉัยภาวะอัลไซเมอร์เข้ามาช่วย โดยสามารถตรวจได้ตั้งแต่ระยะที่ยังไม่ปรากฏอาการ

หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ตั้งแต่ MCI ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเริ่มฟื้นฟูสมองและการรักษาที่ตรงจุดทันที เพราะหากได้รับการดูแลและรักษาเร็ว คุณภาพชีวิตในระยะยาวสำหรับผู้ป่วยจะดีขึ้นได้ ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยที่สำคัญคือเทคโนโลยี Neofect และทางเลือกยาชะลอความถดถอยจากอาการอัลไซเมอร์

การประเมินและฟื้นฟูสมองด้วยเทคโนโลยี Neofect

Neofect เป็นเทคโนโลยีด้านการฟื้นฟูสมองและการเคลื่อนไหวที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท ซึ่งรวมถึงภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ระยะแรก ๆ  

หนึ่งในโปรแกรมสำคัญคือ Neofect Cognition ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับการฝึกและประเมินการทำงานของสมอง เช่น

  • ความจำระยะสั้นและความจำทำงาน (Working memory)
  • สมาธิและความสามารถในการจดจ่อ (Attention)
  • การวางแผนและการแก้ปัญหา (Executive function)
  • การรับรู้ตำแหน่งสิ่งของและการประสานงานระหว่างตา–มือ (Perceptual motor)

รูปแบบการฝึกจะมาในลักษณะ “เกมส์บำบัด” ที่ออกแบบให้สนุก เข้าใจง่าย และมีการให้คะแนนทันที ผู้สูงอายุจึงรู้สึกเหมือนเล่นเกมส์มากกว่าการทำแบบทดสอบ ทำให้ร่วมมือในการฝึกได้ต่อเนื่อง 

ข้อดีของการใช้ Neofect ในการประเมินและฟื้นฟู

  • เก็บข้อมูลเป็นตัวเลขชัดเจน สามารถดูพัฒนาการก่อน–หลังฝึกได้
  • โปรแกรมปรับระดับความยากได้ตามความสามารถของผู้ป่วย
  • ใช้ร่วมกับการประเมินโดยแพทย์และนักกิจกรรมบำบัด หรือนักกายภาพบำบัดได้ ทำให้เห็นภาพการทำงานของสมองและการใช้ชีวิตจริงอย่างครอบคลุม
  • ผู้สูงอายุรู้สึกมีส่วนร่วมและมีกำลังใจ เพราะเห็นคะแนนและความก้าวหน้าในแต่ละครั้ง

Lecanemab นวัตกรรมยาชะลอภาวะสมองเสื่อม ในโรคอัลไซเมอร์ ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยระยะแรก

Lecanemab (Leqembi) เป็นยากลุ่ม anti-amyloid monoclonal antibody ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อ ชะลอการดำเนินโรคในผู้ป่วยสมองเสื่อม ที่เกิดจากอัลไซเมอร์ระยะเริ่มต้น โดยออกฤทธิ์ลดการสะสมของโปรตีน แอมะลอยด์-เบต้า ในสมอง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เมื่อระดับโปรตีนนี้ลดลง การเสื่อมของสมองในด้านความจำและการคิดวิเคราะห์จะดำเนินไปช้าลง

จากผลการศึกษาทางคลินิก พบว่าการให้ยา ต่อเนื่องเป็นเวลา 18 เดือน สามารถช่วยชะลอการลดลงของความสามารถด้านความคิดและความจำได้ในผู้ป่วยที่มีอาการเริ่มปรากฏแล้ว (Early symptomatic AD หรือ MCI จากอัลไซเมอร์)

การให้ยาและการติดตามอาการ

  • ยานี้ให้ในรูปแบบ ฉีดเข้าเส้นเลือด (IV infusion) ทุก 2 สัปดาห์
  • ต้องอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • ต้องตรวจ MRI สมองก่อนเริ่มยา และตรวจติดตามสม่ำเสมอ เพื่อประเมินผลข้างเคียง
  • ตรวจเลือดเพื่อหายีนความเสี่ยง APOE เนื่องจากผู้ป่วยที่มี APO E4 มีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้มากกว่า

ผลข้างเคียงที่อาจพบ

ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการ เช่น

  • ผลข้างเคียงที่รุนแรงและพบได้ ได้แก่ สมองบวม หรือมีเลือดออกในสมอง
  • ผลข้างเคียงรุนแรงมีโอกาสเกิดได้น้อยมาก เช่น ชัก หรือเสียชีวิต (พบได้น้อยแต่ต้องระวัง)
  • ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
  • ความผิดปกติทางการมองเห็น
  • สับสนหรือพฤติกรรมเปลี่ยนไป
  • ในบางรายอาจพบ สมองฝ่อเพิ่มขึ้น

ใครที่อาจไม่เหมาะกับการใช้ยา?

Lecanemab อาจไม่เหมาะสม หรือให้ผลน้อย ในผู้ที่

  • ยังไม่มีอาการ
  • มีอัลไซเมอร์ระยะปานกลางถึงรุนแรง
  • มีประวัติเลือดออกในสมอง
  • ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น warfarin, apixaban)
  • มีประวัติทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากยา
  • ผู้ป่วยที่มียีนความเสี่ยง APO E4

แม้อัลไซเมอร์จะเป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่หากได้รับการวินิจฉัยที่เหมาะสมโดยเร็ว อย่างน้อยเราสามารถยืดเวลาแห่งความทรงจำ ผ่านการตรวจประเมิน ฟื้นฟูสมอง และการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยยังคงเป็น “ตัวของตัวเอง” ได้นานที่สุด

หากมีอาการเหล่านี้สามารถปรึกษานัดหมายแพทย์ได้ที่โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์

อัลไซเมอร์แตกต่างจากภาวะสมองเสื่อมอย่างไร?

สมองเสื่อม (Dementia) คือ “ภาวะ” ที่สมองเสื่อมถอย ทำให้ความจำและการใช้ชีวิตประจำวันบกพร่อง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง การติดเชื้อ หรือพาร์กินสัน ส่วน อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็น “หนึ่งในสาเหตุของสมองเสื่อม” และเป็นชนิดที่พบมากที่สุด ทุกคนที่เป็นอัลไซเมอร์จะมีอาการสมองเสื่อม แต่คนที่มีสมองเสื่อมไม่ได้แปลว่าเป็นอัลไซเมอร์เสมอไป

ระยะ MCI คืออะไร และเป็นสัญญาณเตือนอัลไซเมอร์หรือไม่?

MCI (Mild Cognitive Impairment) คือภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย อยู่กึ่งกลางระหว่าง “หลงลืมตามวัย” และ “สมองเสื่อมจากอัลไซเมอร์” ผู้ป่วยมักมีปัญหาเรื่องความจำ การคิดวิเคราะห์ สมาธิ และการตัดสินใจ เช่น ลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ ได้ยาก หรืออารมณ์เปลี่ยนง่าย หากไม่ได้รับการประเมินตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจพัฒนาไปเป็นภาวะสมองเสื่อมได้

ตรวจอย่างไรจึงรู้ว่ามีความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์?

การตรวจประเมินอัลไซเมอร์ทำได้หลายวิธี ได้แก่

  • ซักประวัติผู้ป่วยและญาติถึงความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมหรือความจำ
  • ทำแบบทดสอบ TMSE หรือ MoCA เพื่อประเมินการทำงานของสมอง
  • ตรวจเลือดหาสาเหตุของสมองเสื่อมอื่น ๆ
  • เจาะน้ำไขสันหลังเพื่อตรวจระดับโปรตีนแอมะลอยด์และโปรตีนเทา
  • ตรวจสมองด้วย PET Scan เพื่อตรวจหาความผิดปกติของโปรตีนในสมอง
    หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เช่น MCI จะสามารถวางแผนฟื้นฟูสมองและเริ่มการรักษา เช่น เทคโนโลยี Neofect หรือยาชะลออาการ Lecanemab ได้อย่างทันท่วงที

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000

Medically Reviewed by

พญ. ดวงกมล สิงห์วิชา
พญ. ดวงกมล สิงห์วิชา

อายุรศาสตร์โรคสมองและระบบประสาท

อายุรศาสตร์โรคสมองและระบบประสาท - การรับรู้และพฤติกรรม

Readers’ Rating

5.0 out of 5 stars (based on 2 reviews)