ก๋วยเตี๋ยวรสจัด ชาบูหมาล่า น้ำจิ้มเค็ม: ตัวการทำลายไตไม่รู้ตัว

ความสัมพันธ์ระหว่างการกินเค็มกับโรคไต

การกินเค็ม หมายถึงการบริโภคโซเดียมในปริมาณมากเกินไป ซึ่งพบได้จากเกลือ น้ำปลา ซอสปรุงรส อาหารแปรรูป และขนมขบเคี้ยวที่มีโซเดียมสูง การได้รับโซเดียมมากเกินไปจะส่งผลต่อร่างกายหลายด้าน โดยเฉพาะ ระบบไต ที่ต้องทำงานหนักขึ้นในการกรองเกลือส่วนเกินออกจากเลือด

กินเค็มทำให้เป็นโรคไตจริงหรือไม่?

คำตอบคือ ใช่ หากบริโภคโซเดียมมากเกินไปอย่างต่อเนื่อง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease – CKD) และยังสัมพันธ์กับโรคอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด

กลไกที่เกลือทำร้ายไต 

1. โซเดียมส่วนเกินทำให้ไตทำงานหนักขึ้น:: ไตต้องกรองโซเดียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น 
2. เกิดภาวะความดันโลหิตสูง:: ความดันที่สูงอย่างต่อเนื่องทำลายหลอดเลือดเล็ก ๆ ในไต 
3. เสี่ยงโปรตีนรั่วในปัสสาวะ:: เป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคไต 
4. ไตเสื่อมเร็วขึ้น:: หากไม่ได้ควบคุมการบริโภค อาจพัฒนาไปสู่ภาวะไตวาย 

ปริมาณโซเดียมที่ควรกินต่อวัน 

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า คนทั่วไปควรได้รับ โซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่าเกลือประมาณ 1 ช้อนชา) แต่คนไทยโดยเฉลี่ยมักบริโภคเกินกว่านั้น 2–3 เท่า 

อาการเตือนที่ควรระวังหากกินเค็มบ่อย ๆ

•  บวมที่หน้า มือ หรือเท้า
• ปัสสาวะบ่อยหรือน้อยผิดปกติ 
• ความดันโลหิตสูง 
• เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย 

หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจการทำงานของไต 

วิธีลดความเสี่ยงโรคไตจากการกินเค็ม

•  เลือกกินอาหารสดแทนอาหารแปรรูป 
• ลดการใช้เครื่องปรุง เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว 
• อ่านฉลากโภชนาการ เลือกผลิตภัณฑ์ “โซเดียมต่ำ” 
• ดื่มน้ำสะอาดเพียงพอ 
• ตรวจสุขภาพไตอย่างน้อยปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง 

ดังนั้นการกินเค็มมากเกินไป เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไต และยังทำให้ความดันโลหิตสูงและหัวใจทำงานหนักขึ้น หากอยากมีสุขภาพไตที่แข็งแรง ควรลดการบริโภคโซเดียม เลือกอาหารที่มีประโยชน์ และตรวจเช็กสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

FAQ: คำถามที่พบบ่อย 

Q: กินก๋วยเตี๋ยวทุกวันจะทำให้เป็นโรคไตไหม?

A: หากน้ำซุปและเครื่องปรุงเค็มจัด กินทุกวันย่อมเพิ่มความเสี่ยงโรคไตและความดันสูง ควรลดปริมาณน้ำซุปและเครื่องปรุงลง 

Q: กินหมาล่ามีผลต่อไตจริงหรือไม่? 

A: ใช่ เพราะหมาล่ามักใช้น้ำมัน น้ำซุป และเครื่องปรุงโซเดียมสูง กินบ่อย ๆ จะทำให้ไตทำงานหนักและเสี่ยงต่อโรคไตเรื้อรัง 

Q: น้ำจิ้มเค็ม ๆ เช่น น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มซีฟู้ด กินบ่อย ๆ อันตรายไหม?

A: น้ำจิ้มเหล่านี้มักมีโซเดียมสูง กินมากหรือติดต่อกันนาน ๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไตและความดันโลหิตสูง 

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลเวชธานีอินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000

Medically Reviewed by

พญ. อำไพวรรณ รุ่งบรรณพันธุ์

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคไต

นัดหมายแพทย์ออนไลน์ Doctor Profile

บทความที่เกี่ยวข้อง

See All

6 สัญญาณเสี่ยงโรคไต

โรคไตเป็นโรคที่ใกล้ตัวและอันตรายกว่าที่คิด มักเริ่มต้นแบบเงียบ ๆ โดยไม่มีอาการชัดเจน รู้ทัน “6 สัญญาณเสี่ยงโรคไต” เช่น ปัสสาวะผิดปกติ บวม เหนื่อยง่าย ความดันโลหิตสูง เพื่อให้คุณสามารถดูแลและปกป้องไตได้ก่อนสายเกินไป

บทความสุขภาพ

แนวทางการเตรียมตัวและดูแลหลังผ่าตัดเปลี่ยนไต

การผ่าตัดปลูกถ่ายไต เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ซับซ้อนและสำคัญในการรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ความสำเร็จของการผ่าตัดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงการเตรียมตัวของผู้ป่วยและการดูแลหลังผ่าตัดเปลี่ยนไตที่เหมาะสม ดังนั้น การเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบและการปฏิบัติตามคำแนะนำหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัด จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ของการรักษาของผู้ป่วยในระยะยาว การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเปลี่ยนไต การปลูกถ่ายไต เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ซับซ้อน ทำให้ต้องมีการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเปลี่ยนไตอย่างรอบคอบและเคร่งครัด เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จของการปลูกถ่ายไต โดยผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดเปลี่ยนไต หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยแนวทางการดูแลผู้ป่วยปลูกถ่ายไตอย่างถูกต้อง มีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 6 ข้อ ดังนี้ 1. การพักฟื้นที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยต้องพักฟื้นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์และพยาบาล พร้อมช่วยเฝ้าระวังและป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัด 2. การทำแบบบันทึกประจำวัน หลังออกจากโรงพยาบาลผู้ป่วยต้องบันทึกอาการต่อเนื่อง เพื่อติดตามการตอบสนองต่อการรักษา โดยรายการที่ควรบันทึก เช่น  หากพบอาการผิดปกติ เช่น มีอาการปวดศีรษะมาก หรือความดันโลหิตสูงผิดปกติโดยเฉพาะมากกว่า 180/100 mmHg, ปัสสาวะขุ่น ถ่ายปัสสาวะแสบขัด และปวดเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือมีสีปัสสาวะเข้มถึงส้ม มีเลือดปน รวมถึงอาการบวมตามตัว ที่หนังตา มือ และเท้า ตลอดจนเกิดอาการรู้สึกปวดตึงท้องหรือปวดบริเวณที่ปลูกถ่ายไต หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรแจ้งแพทย์และพยาบาลที่ดูแลอยู่ทันที  3. การทำแผลผ่าตัดปลูกถ่ายไต […]

บทความสุขภาพ