โรคสมองขาดเลือด ภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษาก่อนเสี่ยงอัมพาต

บทความสุขภาพ
A man suffering from severe headache representing ischemic stroke, showing a 3D illustration of the brain and blocked blood vessels.

โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดหรือภาวะสมองขาดเลือด (Ischemic Stroke) คือ ภาวะที่การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองถูกขัดขวางหรืออุดตัน ทำให้เนื้อสมองไม่ได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ส่งผลให้เซลล์สมองเริ่มตายภายในไม่กี่นาที เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตและความพิการถาวรที่พบบ่อย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

สาเหตุของภาวะสมองขาดเลือด

ภาวะนี้เกิดขึ้นจากการอุดตันของหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น

  • ลิ่มเลือด (Blood Clot) เกิดขึ้นในหลอดเลือดสมองโดยตรง หรือหลุดมาจากหัวใจและไปอุดตันหลอดเลือดสมอง
  • ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด (Atherosclerosis) ทำให้หลอดเลือดตีบแคบ
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial Fibrillation) เพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือดในหัวใจ
  • โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
  • การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือขาดการออกกำลังกาย

อาการของภาวะสมองขาดเลือด

อาการมักเกิดขึ้นทันทีและต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน โดยสามารถจดจำได้ง่ายด้วยหลัก BEFAST

  • B (Balance)  :: สูญเสียการทรงตัว รู้สึกเวียนศีรษะหรือเดินเซอย่างกะทันหัน
  • E  (Eyes)  :: ปัญหาในการมองเห็น เช่น ภาพซ้อน มองไม่ชัด หรือตามัว ในตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
  • F (Face drooping) : หน้าบิดเบี้ยว ยิ้มไม่เท่ากัน
  • A (Arm weakness) : แขนหรือขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
  • S (Speech difficulty) : พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ หรือไม่เข้าใจคำพูด
  • T (Time to call) : หากพบอาการเหล่านี้ ให้รีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที

อาการอื่นที่อาจพบได้ เช่น เวียนศีรษะอย่างรุนแรง มองเห็นภาพซ้อน เดินเซ หรือหมดสติ

การวินิจฉัยภาวะสมองขาดเลือด

แพทย์จะใช้การตรวจหลายวิธีเพื่อหาสาเหตุและตำแหน่งการอุดตัน เช่น

  • ตรวจร่างกายและระบบประสาท
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
  • ตรวจหลอดเลือดสมอง (MRA, CTA)
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เพื่อหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ตรวจเลือดเพื่อประเมินปัจจัยเสี่ยง

การรักษาภาวะสมองขาดเลือด

การรักษาต้องทำอย่างเร่งด่วนภายในเวลาที่กำหนดเพื่อช่วยลดความเสียหายของสมอง

ให้ยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) ภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ

ให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดซ้ำ เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด

การรักษาประคับประคอง เช่น ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด และการทำกายภาพฟื้นฟู

เทคโนโลยีการลากลิ่มเลือด (Thrombectomy) ด้วย Biplane DSA

การรักษาหลอดเลือดสมองอุดตันด้วยการ ลากลิ่มเลือด (Thrombectomy) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดลิ่มเลือดที่อุดตันในเส้นเลือดสมอง กระบวนการนี้จะดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านระบบประสาทและหลอดเลือดสมอง ซึ่งแพทย์จะสอดสายสวน (Catheter) ขนาดเล็กเข้าไปทางหลอดเลือดที่ขาหนีบ เพื่อนำลิ่มเลือดออกจากหลอดเลือดที่อุดตันในสมอง ซึ่งการใช้ Biplane Digital Subtraction Angiography (Biplane DSA) ทำให้แพทย์เห็นภาพหลอดเลือดสมองและลิ่มเลือดได้อย่างชัดเจนจากหลายมุมมองพร้อมกัน ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงของหัตถการ

ซึ่งโรงพยาบาลเวชธานี มีทีมแพทย์ชำนาญการด้านระบบประสาทและหลอดเลือดสมองที่พร้อมให้การรักษาผู้ป่วยด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือดผ่าน Biplane DSA โดยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษาและลดความเสี่ยงจากการทำหัตถการ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างครบวงจร 

ข้อดีของการรักษาด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือดผ่าน Biplane DSA มีดังนี้  

  • ลดความเสียหายต่อสมองและเพิ่มโอกาสฟื้นตัว
  • ลดความเสี่ยงการทำลายเนื้อเยื่อสมองเพิ่มเติม
  • ลดเวลาในการรักษา เพิ่มโอกาสรอดชีวิต
  • เหมาะกับผู้ป่วยที่มาถึงโรงพยาบาลภายใน24ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ

การป้องกันภาวะสมองขาดเลือด

  • ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาล และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดเค็ม ลดไขมันอิ่มตัว
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • เลิกสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
  • ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงแต่เนิ่น ๆ

ภาวะสมองขาดเลือด เป็นโรคที่ต้องแข่งกับเวลา การรู้เท่าทันอาการและรีบเข้ารับการรักษา จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความพิการในระยะยาว โดยปัจจุบันมีเทคโนโลยี Biplane DSA ที่ช่วยให้การรักษามีความแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคสมองขาดเลือด

โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดหรือภาวะสมองขาดเลือดรักษาได้หรือไม่?

หากได้รับการรักษาทันเวลา เช่น  ภายใน 24 ชั่วโมงด้วยเทคโนโลยี Biplane DSA ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวสูงและลดความพิการได้มาก

Biplane DSA ต่างจากการรักษาทั่วไปอย่างไร?

Biplane DSA ให้ภาพหลอดเลือดสมองแบบ 2 มุมมองพร้อมกัน ทำให้แพทย์เห็นตำแหน่งลิ่มเลือดได้ชัดเจน เพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยระหว่างการรักษา

หากพบอาการสมองขาดเลือด ควรทำอย่างไร?

ให้รีบโทรเรียกรถพยาบาลหรือไปโรงพยาบาลทันที ทุกนาทีมีค่า เพราะสมองเริ่มเสียหายภายในไม่กี่นาทีหลังอาการเริ่มต้น

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000 ต่อ 5400, 5444

Medically Reviewed by

นพ. วงศ์กนก ก่อวัฒนมงคล
นพ. วงศ์กนก ก่อวัฒนมงคล

อายุรศาสตร์โรคสมองและระบบประสาท

อายุรศาสตร์โรคสมองและระบบประสาท - โรคหลอดเลือดสมอง

Readers’ Rating

5.0 out of 5 stars (based on 2 reviews)