นั่งหน้าคอมทั้งวัน ระวังกระดูกสันหลังเสื่อมก่อนวัย

บทความสุขภาพ
พนักงานออฟฟิศหญิงปวดหลังรุนแรงจากการนั่งทำงานนาน เสี่ยงภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมก่อนวัย

ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative Spine Disease) เป็นหนึ่งในโรคกระดูกที่พบบ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน หรือมีพฤติกรรมก้มเล่นโทรศัพท์บ่อย ภาวะนี้เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูก ข้อต่อ และกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดคอ หรืออาการชาร้าวลงแขนขา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมคืออะไร

กระดูกสันหลังของคนเราประกอบด้วยปล้องกระดูก หมอนรองกระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อพยุงหลัง เมื่ออายุมากขึ้นหรือใช้งานผิดท่า ส่วนประกอบเหล่านี้จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพ ทำให้ช่องว่างระหว่างกระดูกแคบลง เกิดแรงกดทับต่อเส้นประสาท จนเกิดอาการปวดหลัง ปวดคอ หรือชาร้าวลงแขนและขา

สาเหตุของภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม

  1. อายุที่มากขึ้น โครงสร้างกระดูกและหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพตามเวลา
  2. พฤติกรรมการใช้ชีวิต  นั่งทำงานนาน ยกของหนัก หรือออกกำลังกายไม่เพียงพอ
  3. น้ำหนักตัวเกิน  เพิ่มแรงกดต่อกระดูกสันหลัง
  4. ท่าทางไม่ถูกต้อง เช่น นั่งหลังค่อม ก้มดูโทรศัพท์บ่อย
  5. อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ อาจส่งผลให้กระดูกสันหลังบิดหรือเสียรูป
  6. พันธุกรรมและโครงสร้างร่างกาย  บางคนมีแนวโน้มเกิดการเสื่อมเร็วกว่าปกติ

อาการของภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม

  • ปวดหลังส่วนล่างหรือปวดต้นคอเป็นประจำ
  • ปวดร้าวลงแขนหรือขา
  • ชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • เคลื่อนไหว ก้ม หรือเงยลำบาก
  • หากรุนแรง อาจเดินลำบากหรือควบคุมการขับถ่ายไม่ได้

วิธีวินิจฉัยภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม

แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจแนะนำการตรวจเพิ่มเติม เช่น

  • X-ray: ดูแนวกระดูกและระยะห่างของหมอนรองกระดูก
  • MRI: ตรวจหาภาวะหมอนรองกระดูกปลิ้นหรือเส้นประสาทถูกกดทับ
  • CT Scan: ประเมินความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกอย่างละเอียด

แนวทางการรักษาภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

  • ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • กายภาพบำบัด ฝึกกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัว
  • ปรับพฤติกรรมการนั่ง เดิน และยกของให้ถูกวิธี
  • ฉีดยาลดการอักเสบเฉพาะจุด

การรักษาแบบผ่าตัด

หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 6–12 สัปดาห์ หรือเส้นประสาทถูกกดทับรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด เช่น

  • ผ่าตัดหมอนรองกระดูก (Discectomy)
  • ผ่าตัดขยายโพรงกระดูก (Laminectomy)
  • ผ่าตัดเชื่อมกระดูกสันหลัง (Spinal Fusion)

ปัจจุบันมีการผ่าตัดแบบแผลเล็ก (MIS: Minimally Invasive Surgery) เป็นการผ่าตัดโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง เพื่อจะลดขนาดของแผลผ่าตัด รวมถึงทำให้สามารถเห็นบริเวณที่ทำการผ่าตัดได้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการใส่โลหะยึดตรึงกระดูกสันหลังด้วยระบบนำวิถี (Navigator) ช่วยให้สามารถใส่โลหะยึดตรึงกระดูกได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

การป้องกันภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น ว่ายน้ำ เดิน หรือโยคะ
  • นั่งและยืนในท่าที่ถูกต้อง
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือก้มผิดท่า
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

ควรพบแพทย์เมื่อใด

หากมีอาการปวดหลังหรือปวดคอเรื้อรัง ชา อ่อนแรง หรือมีปัญหาการเดิน ควรรีบพบแพทย์ชำนาญการด้านกระดูกสันหลัง เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่ระยะแรก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวโรคกระดูกสันหลังเสื่อม

ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมพบได้ในวัยทำงานจริงไหม?

จริงครับ ไลฟ์สไตล์นั่งนาน ก้มจอนาน ยกของผิดท่า และกล้ามเนื้อแกนกลางอ่อนแรง ล้วนเร่งการเสื่อมและกระตุ้นอาการในคนอายุ 25–45 ปีได้

ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมต่างจากหมอนรองกระดูกปลิ้นอย่างไร?

กระดูกสันหลังเสื่อมเป็น “สภาพการเสื่อมของโครงสร้างหลัง” โดยรวม ส่วนหมอนรองกระดูกปลิ้น (Herniated Disc) เป็นภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการเสื่อม หมอนรองกระดูกที่สึกจะปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดร้าวหรือชา

ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมรักษาหายไหม?

รักษาได้ครับ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีไม่ผ่าตัด เช่น กายภาพบำบัด ปรับท่าทาง หรือฉีดยาลดอักเสบ แต่หากอาการรุนแรงจนเส้นประสาทถูกกดทับ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000

Medically Reviewed by

นพ. กิติเดช บุญชัย
นพ. กิติเดช บุญชัย

ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ

ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ - โรคกระดูกสันหลัง

Readers’ Rating

5.0 out of 5 stars (based on 2 reviews)