ตุ่มหนองบริเวณผิวหนัง 1 ในสัญญาณโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่ต่อมเหงื่อ
รู้จัก Hidradenitis Suppurativa (HS) โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง มักเกิดในรักแร้ ขาหนีบ ก้น และใต้ราวนม พร้อมอาการ ปัจจัยเสี่ยง และวิธีการรักษาที่ควรรู้
ลมหนาวเริ่มผ่านมากระทบผิว ให้ได้รู้สึกถึงอากาศที่ลดลง ทำให้ร่างกายต้องปรับสภาพ หากร่างกายปรับสภาพไม่ทันอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ซึ่งมีโรคหลายๆ โรคที่แอบแฝงมากับความเย็น
พญ.ภาวดี ศึกษากิจ แพทย์ประจำศูนย์ผิวหนังเลเซอร์และความงาม โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111 กล่าวว่า ช่วงที่ลมหนาวมาเยือนสลับกับอากาศร้อนและฝนในบางช่วง มักทำให้เกิดโรคที่มาจากไวรัส ซึ่งแสดงออกผ่านทางผิวหนัง โดยแบ่งเป็นโรคใหญ่ๆ ได้ถึง 8 โรค ได้แก่
เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด สามารถติดต่อได้ทางอากาศ น้ำมูก น้ำลาย สัมผัสถูกตุ่มแผลสุกใสโดยตรง หรือการใช้ของร่วมกับผู้ป่วย อาการที่แสดงออกจะเริ่มจากการปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อาจมีไข้หรือไม่มีไข้ ต่อมาจะเริ่มมีตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นตามผิวหนัง
กลุ่มคนที่มีความเสี่ยง โดยมากจะเกิดกับเด็กเล็กๆ วัยรุ่น จนถึงในวัยหนุ่มสาว แต่ก็มีเกิดกับผู้ใหญ่ได้บ้าง ซึ่งหากเกิดกับผู้ใหญ่ อาการของโรคมักจะรุนแรง และมีโรคแทรกซ้อน มากกว่าในเด็ก หรือในวัยหนุ่มสาว
การป้องกัน : ฉีดวัคซีน
เกิดจากเชื้อไวรัส ชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดสุกใส (Varicella virus) เมื่อติดเชื้อครั้งแรกจะทำให้เป็นโรคสุกใส และเมื่อหายแล้ว เชื่อจะยังอยู่ในร่างกายตลอดไป หลบอยู่ตามปมประสาท รอเวลาร่างกายอ่อนแอ ไวรัสที่แฝงอยู่จะกลับมาอีกครั้งในรูปแบบของโรคงูสวัด
อาการของโรค มักจะมีปวดเมื่อยเนื้อตัว อาจมีไข้หรือไม่มีไข้ ปวดแปล๊บหรือปวดแสบ หรือปวดแสบร้อนในบริเวณที่เป็น จากนั้นจะเริ่มมีตุ่มน้ำใสๆ เป็นกระจุกปนปื้นแดง พบได้บ่อยบริเวณลำตัว แต่ก็สามารถเป็นได้ในบริเวณอื่นๆ
แพทย์จะให้ยาต้านไวรัสชนิดรับประทาน หลังเกิดอาการเพื่อลดความรุนแรง หรือให้ยาต้านไวรัสชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำ และจะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลในกรณีที่เป็นรุนแรง
หากงูสวัดขึ้นตา จะต้องไปพบจักษุแพทย์ เพื่อให้ยาต้านไวรัสชนิดทานและหยดตา เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางตา
เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม HERPES (Hsv–1/Hsv-2) เริมจะมีลักษณะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำขนาดเล็กๆ พบได้บ่อยที่บริเวณเนื้ออ่อนๆ เช่น ริมฝีปาก, อวัยวะเพศ และก้น ผู้ป่วยมักมีประวัติเป็นซ้ำๆ บริเวณเดิมๆ
อาการเมื่อติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ หากเคยเป็นมาแล้วสามารถเป็น หากเกิดภาวะเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ หากเคยเป็นมาบ่อยๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการเพียงเจ็บๆ คันๆ เท่านั้น และมักมีประวัติเครียด พักผ่อนไม่พอ ร่างกายอ่อนแอก่อนที่ตุ่มน้ำจะขึ้น
มักเกิดขึ้นในเด็กเล็ก ช่วงอายุประมาณ 1 ปี ถึงช่วงวัยประถมศึกษา โรคหัดมักติดต่อกันทางระบบทางเดินหายใจ อาการ จะมีไข้สูง ไอมาก ตาแดง คล้ายเป็นหวัด ต่อมาจะมีผื่นแดงขนาดเล็กๆ ขึ้นตาม แขน
สามารถติดต่อผ่านทางระบบทางเดินหายใจ หากเกิดขึ้นกับสตรีมีครรภ์อาจทำให้ทารกพิการได้ อาการของโรคนี้ คือจะมีไข้ต่ำๆ ร่วมกับอาการปวดเมื่อยตามตัว และจะมีผื่น แดงเป็นปื้นขึ้นที่หน้า และขึ้นเต็มตัวภายใน1 วัน
ลักษณะจะเป็นผื่นแดง แห้ง ลอกและมีอาการคัดผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณข้อพับแขน, ขา,ใบหน้า สามารถพบได้แทบทุกฤดูกาล แต่ในช่วงฤดูหนาวผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีโอกาสเกิดมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันตามร่างกายอย่างรุนแรง หากเกาจะทำให้เกิดแผลถลอกและติดเชื้อได้
ส่วนใหญ่แพทย์จะรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นของผู้ป่วย แต่ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค เช่น
จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง มีสะเก็ด เป็นมันๆ โดยมากจะเกิดบริเวณร่องข้างจมูก หว่างคิ้ว หน้าหู และหนังศีรษะ โดยเฉพาะหน้าหนาวยิ่งทำให้ผิวแห้ง จึงทำให้ผื่นชนิดนี้มีโอกาสเกิดได้มากขึ้น
เกิดจากเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ ซึ่งจะเกิดที่ผิวหนังชั้นนอกสุด เช่น คอ ลำตัว แขนขา ศีรษะ เล็บ ติดต่อได้จากการสัมผัสโดยตรง และติดต่อง่าย
ศูนย์ผิวหนังและความงาม ชั้น 11 โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-7340000 ต่อ 4200, 4204