บทความสุขภาพ

ไร้กังวลรอยแผลเป็นตามหลังการอักเสบของสิว

Share:

สิวเป็นปัญหาทางผิวหนังที่พบได้บ่อย และเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฮอร์โมน ความเครียด อาหารหรือขนมบางประเภท เช่น Chocolate ขณะเดียวกันยิ่งช่วงเทศกาลงานเลี้ยงต่าง ๆ ที่ต้อแต่งหน้าไปงานสังสรรค์ และพักผ่อนน้อยอาจต้องเจอปัญหาหนักใจกับสิวที่เห่อมากขึ้นได้ แถมทิ้งรอยหรือแผลเป็นไว้ตามหลังการอักเสบของสิวไว้

โดยรอยหรือแผลเป็นจากสิวมีหลายประเภท ได้แก่

  1. แผลเป็นรอยสีดำหรือแดง
  2. แผลเป็นหลุมสิว
  • Ice pick scar เป็นหลุมสิวที่มีปากแคบแต่ลึก โดยปากแผลจะกว้างกว่าก้นแผล
  • Boxcar scar เป็นหลุมสิวปากและก้นกว้าง อาจตื้นหรือลึก ลักษณะเหลี่ยม มีขอบเขตชัดเจน
  • Rolling scar หลุมสิวลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะตื้น ปากกว้าง ขอบโค้งลงไป คล้ายคลื่น

3. แผลเป็นนูน

  • papular acne scar แผลเป็นนูนสีเนื้อ มักเกิดบริเวณคางหรือจมูก
  •  Keloidal acne scar แผลเป็นนูนสีแดง มักเกิดบริเวณหน้าอกและหลัง แต่อาจพบบริเวณใบหน้าได้ด้วย

การรักษา กับประเภทของแผลเป็นจากสิว

  • การรักษาด้วยการแต้มกรด Trichloroacetic acid เหมาะกับหลุมสิวชนิด ice pick scar โดยการรักษานี้จะทำให้เกิดสะเก็ดอยู่ประมาณ 5-7 วัน ผิวหนังจะสร้างเนื้อ collagen ที่ดีขึ้นมาใหม่ เมื่อสะเก็ดหลุดจะได้ผลการรักษาของหลุมสิวที่ตื้นขึ้น
  • การรักษาโดยวิธีตัดเย็บหลุมสิว (Punch excision) เหมาะกับหลุมสิวชนิด Ice pick scar ที่ลึกและ boxcar scar (ขนาดเล็กกว่า 3.5 มิลลิเมตร) ซึ่งตอบสนองต่อการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิวอย่างเดียวไม่ดี โดยแพทย์ผิวหนังจะทำการตัดหลุมสิวดังกล่าวแบบเล็ก และเย็บปิดด้วยไหมขนาดเล็ก จึงตัดไหมใน 5-7 วัน แผลจะหายดีใน 1 สัปดาห์ ทำเพียง 1 ครั้ง หลังแผลหายหลุมสิวที่ลึกและเป็นกล่องจะหายไปจากการเย็บปิดดังกล่าว
  • การรักษาโดยการเซาะพังผืดใต้หลุมสิว (Subcision) ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการรักษาหลุมสิวชนิด Rolling scar, หลุมสิวหรือแผลเป็นขนาดกว้างที่ตึง (เช่นแผลเป็นอีสุกอีใส) โดยใช้เข็มขนาดเล็กเซาะทำลายพังผืดใต้แผลเป็นหลุม เพื่อกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนทำให้หลุมตื้นขึ้น และยังทำให้ผลการรักษาด้วยเลเซอร์ในครั้งต่อ ๆ ไปดีขึ้นได้ด้วย หลังทำอาจจะมีรอยช้ำเล็กน้อยหรือไม่มี หากมีรอยช้ำจะหายได้ภายใน 1 สัปดาห์ และไม่มีแผล
  • การรักษาโดยการปรับสภาพและกรอผิวด้วยเลเซอร์ (Laser resurfacing) รักษาประมาณ 5-8 ครั้ง ห่างกันทุก 1 เดือน หลังทำทุกครั้งจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
  •  เลเซอร์ปรับสภาพผิวแบบที่ทำให้เกิดแผลหลังทำ (Ablative/Semiablative laser resurfacing) หลังทำจะทำให้หน้าแดง เป็นสะเก็ด อาจต้องพักอยู่กับบ้าน 1-2 สัปดาห์ เห็นผลได้ชัดเจนหลังทำ แต่อาจจะต้องระวังเรื่องรอยดำหลังเลเซอร์ โดยเฉพาะในคนที่ผิวสีเข้ม
  •  เลเซอร์ที่กรอผิวแล้วไม่ทำให้เกิดแผล (Non-ablative laser resurfacing) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนหรือเส้นใยคอลลาเจนให้สร้างใหม่และจัดเรียงตัวเป็น ระเบียบ ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น หลังทำจะมีอาการบวมแดงไม่เกิน 3 วัน เลเซอร์ชนิดนี้จะไม่ทำให้เกิดแผลบนผิวหนัง จึงไม่ทำให้เกิดรอยดำหลังเลเซอร์ และเหมาะกับคนผิวสีเข้ม

การรักษาชนิดใดก็ตามก็ตามจำเป็นต้องอาศัยการดูแลหลังเลเซอร์ที่ดี ได้แก่ การปกป้องผิวจากแสงแดดให้ดีอย่างน้อยในช่วงสองสัปดาห์แรกหลังทำ ภายในสัปดาห์แรกควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพื่อไม่ให้บริเวณที่ทำการรักษาระคายเคือง ถ้ามีสะเก็ดให้ยาให้ความชุ่มชื้นผิวหนัง เช่น วาสลีนมาก ๆ สิ่งสำคัญคือไม่ควรแกะสะเก็ดเพราะจะทำให้แผลไม่สวย

พญ.ชนิกา วิฑูรชาติ
อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง
โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111

  • Readers Rating
  • Rated 4.8 stars
    4.8 / 5 (3 )
  • Your Rating