รู้ทันสัญญาณข้อเข่าเสื่อม พร้อมสาเหตุและวิธีรักษา

บทความสุขภาพ
Featured Image

อาการปวดเข่าเวลาเดินขึ้นลงบันได เสียงก๊อบแก๊บในข้อ หรือความรู้สึกติดขัดเวลาลุกนั่ง อาจเป็นมากกว่าแค่อาการเมื่อยล้า แต่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะ “ข้อเข่าเสื่อม” ซึ่งเป็นภาวะที่กระดูกอ่อนผิวข้อค่อย ๆ สึกกร่อนลงตามกาลเวลา หากปล่อยทิ้งไว้อาการอาจรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริง พร้อมเรียนรู้วิธีสังเกตอาการและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างทันท่วงที

ทำความรู้จักโรคข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โรคนี้เกิดจากความเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนผิวข้อ (Articular Cartilage) ที่ทำหน้าที่เสมือนเบาะรองรับแรงกระแทกเกิดการสึกกร่อนและบางลง ทำให้กระดูกข้อต่อเสียดสีกันโดยตรงขณะเคลื่อนไหว จนเกิดอาการปวด มีเสียงในข้อ และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่การอักเสบที่รุนแรงและข้อเข่าผิดรูปได้ ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในผู้สูงวัยเท่านั้น แต่ยังพบได้ในกลุ่มนักกีฬาหรือผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุที่ข้อเข่า ซึ่งทำให้ข้อเสื่อมเร็วกว่าปกติได้เช่นกัน

สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม

สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม สามารถแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุหลักตามลักษณะการเกิด คือ

สาเหตุจากความเสื่อมแบบปฐมภูมิ (Primary Knee Osteoarthritis) 

เป็นภาวะข้อเข่าเสื่อมที่เกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพตามวัยเป็นหลัก โดยไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้แก่

  • อายุที่มากขึ้น ทำให้ความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองของผิวข้อกระดูกอ่อนลดลง ทำให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมและข้อเข่าอักเสบง่ายขึ้น
  • เพศ พบว่าเพศหญิง โดยเฉพาะวัยหลังหมดประจำเดือนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป มีโอกาสเกิดข้อเข่าเสื่อมได้มากกว่าเพศชาย      
  • น้ำหนักตัวที่มากเกินหรือภาวะอ้วน  ทำให้เข่ารับน้ำหนักมากขึ้น จนข้อเข่าอักเสบและข้อเข่าเสื่อม
  • พันธุกรรม หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม อาจมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งไม่ได้เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยตรง
  • พฤติกรรมการใช้งานข้อเข่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ใช้งานข้อเข่าอย่างหนักและต่อเนื่อง หรือใช้งานเข่าที่ไม่เหมาะสม เช่น การขึ้นลงบันไดเป็นประจำ นั่งงอเข่านาน ๆ นั่งยอง ๆ นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งพับเพียบนาน ๆ จนทำให้เกิดแรงกดบริเวณข้อเข่า

สาเหตุจากความเสื่อมแบบทุติยภูมิ (Secondary Knee Osteoarthritis)

เป็นภาวะข้อเข่าเสื่อมที่สามารถระบุสาเหตุที่นำไปสู่การเสื่อมได้ชัดเจน ได้แก่

  • ประวัติการได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า เคยประสบอุบัติเหตุโดยตรงที่ข้อเข่า หรือการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เช่น หมอนรองกระดูกเข่าหรือเส้นเอ็นฉีกขาด สามารถทำลายโครงสร้างภายในข้อและนำไปสู่ข้อเสื่อมในอนาคตได้
  • โครงสร้างพยุงข้อเข่าเสียสภาพ ภาวะที่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบข้อเข่าอ่อนแอลงจากการขาดการออกกำลังกาย ทำให้ข้อเข่าขาดความมั่นคงและเกิดการเสื่อมได้ง่าย
  • โรคประจำตัวบางชนิด โรคที่มีการอักเสบในร่างกาย เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเกาต์ โรค SLE หรือโรคเลือดบางชนิด สามารถส่งผลกระทบต่อข้อเข่าและทำให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมตามมาได้

สัญญาณเตือนและอาการของภาวะข้อเข่าเสื่อม

อาการที่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคข้อเข่าเสื่อม มีดังนี้

  • ปวดเข่าเมื่อเคลื่อนไหวหรือใช้งาน โดยเฉพาะตอนลุกขึ้นหรือคุกเข่า
  • อาการข้อฝืดในตอนเช้า เวลาลุก นั่ง หรือเดินขึ้นลงบันได
  • มีเสียงดังที่ข้อเวลาเคลื่อนไหว
  • ข้อเข่าบวมกว่าปกติ
  • ข้อเข่าโก่งงอ ผิดรูป
  • ข้อเข่ายึดติดไม่สามารถเหยียดหรืองอขาได้สุดเหมือนเดิม

ระยะอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถแบ่งความรุนแรงของอาการเป็น 4 ระยะ ดังนี้

  • ระยะที่ 1 (Early Stage) ในระยะนี้ กระดูกอ่อนผิวข้อเริ่มมีการสึกหรอเล็กน้อย แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะยังไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ และยังสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
  • ระยะที่ 2 (Mild Stage) กระดูกอ่อนเริ่มสึกหรอมากขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกถึงอาการผิดปกติ เช่น รู้สึกปวดเข่าเมื่อเคลื่อนไหวมาก ๆ หรือหลังจากใช้งานหนัก หรือมีเสียงกรอบแกรบในเข่า
  • ระยะที่ 3 (Moderate Stage) การสึกหรอของกระดูกอ่อนในระยะนี้จะรุนแรงขึ้นมาก จนช่องว่างระหว่างข้อเข่าแคบลงและกระดูกเริ่มเสียดสีกัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อเข่า อาจมีอาการบวมอักเสบ และองศาการงอเหยียดเข่าทำได้ลดลง   
  • ระยะที่ 4 (Severe Stage) ในระยะสุดท้ายกระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลายไปเกือบทั้งหมด ทำให้กระดูกข้อเข่าเสียดสีกันโดยตรง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดรุนแรงแทบตลอดเวลา แม้ขณะพักหรือไม่ได้เคลื่อนไหว ข้อเข่าอาจมีอาการบวมโตและผิดรูปอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลกระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวันอย่างชัดเจน  

วิธีรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม

การรักษาข้อเข่าเสื่อมสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับระยะของโรค อายุ และความต้องการในการใช้งานข้อเข่าของผู้ป่วย โดยแนวทางการรักษาแบ่งออกเป็น 4 วิธี ดังนี้

  1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิหรือนั่งงอเข่าที่มากกว่า 90 องศาเป็นเวลานาน รวมถึงใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงข้อเข่าเพื่อแบ่งเบาภาระการทำงานของข้อเข่า ร่วมกับการกายภาพบำบัด
  2. ออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้ออย่างเหมาะสม ด้วยตนเอง หรือปรึกษานักกายภาพบำบัด
  3. การใช้ยา เช่น ยาลดปวด ลดอักเสบตามอาการทั้งในรูปแบบการรับประทานและฉีด
  4. การฉีด ข้อเข่า เช่น ยาสเตียรอยด์ น้ำหล่อลื่นข้อเข่า หรือเกร็ดเลือดเข้มข้น ซึ่งจะพิจารณาตามความเหมาะสมโดยแพทย์
  5. การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม  การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA) ในกรณีที่ข้อเข่าเสื่อมมากฝั่งไหนฝั่งหนึ่ง หรือผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมชนิดทั้งหมด (TKA) ในกรณีที่เข่าเสื่อมระยะสุดท้าย มีภาวะขาผิดรูปชัดเจน

ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีที่สำคัญคือ การผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยหุ่นยนต์ (Robotic-Assisted Knee Replacement)  สำหรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมรุนแรง โดยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยให้ศัลยแพทย์สามารถวางตำแหน่งข้อเข่าเทียมได้แม่นยำสูงสุดตามสรีระของผู้ป่วยแต่ละราย โดยใช้หลักการการจัดแนวข้อเข่าตามธรรมชาติ (Native Alignment)  มุ่งเน้นการรักษาสมดุลและการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติของข้อเข่าเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด เป็นการผ่าตัดที่บาดเจ็บน้อย อาการเจ็บป่วยน้อย และฟื้นตัวไว นอกจาการใช้งานข้อเข่าเทียมที่เป็นธรรมชาติแล้ว การผ่าตัดที่ดีส่งผลให้ ข้อเข่าเทียมมีอายุการใช้งานยืนยาวมากขึ้น 

การป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม

  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จะช่วยลดแรงกดทับที่ข้อเข่าต้องแบกรับโดยตรง
  • ออกกำลังกายสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบเข่า 
  • ไม่ควรยืน หรือนั่งอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน ๆ
  • ไม่อยู่ในท่าที่มีการงอเข่ามากกว่า 90 องศา เช่น การนั่งคู้เข่า พับเพียบ ขัดสมาธิ หรือนั่งยอง ๆ 
  • เลือกสวมรองเท้าที่เหมาะสม มีพื้นนุ่มและรองรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อช่วยลดภาระของข้อเข่า
  • รับประทานอาหารบำรุงข้อ เน้นอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ และปลาที่มีไขมันดี 
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะนิโคตินในบุหรี่จะส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงกระดูกและข้อ

อาการปวดเข่าไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม แต่เป็นสัญญาณเตือนว่า ข้อเข่าของคุณอาจกำลังเสื่อมสภาพ ดังนั้น หากคุณมีอาการตามที่กล่าวมาในบทความนี้ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นที่มีอาการ คือการดูแลรักษาที่ดีที่สุด เพื่อให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000 

Medically Reviewed by

นพ. วัชระ มณีรัตน์โรจน์
นพ. วัชระ มณีรัตน์โรจน์

ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ

ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ - การผ่าตัดข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม

Readers’ Rating

0.0 out of 5 stars (based on 0 reviews)