ผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยเทคนิค MIS TLIF
ผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยเทคนิค MIS TLIF (Subtitle) | โรงพยาบาลเวชธานีบอกลาอาการปวดหลังเรื้อรัง ชา และร้าวลงขา ด้วยการผ่าตัดกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก MIS TLIF
ค้นหาวิดีโอและข่าวสุขภาพที่คุณวางใจได้ เลือกตามโรคหรือหัวข้อที่สนใจ
ผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยเทคนิค MIS TLIF (Subtitle) | โรงพยาบาลเวชธานี บอกลาอาการปวดหลังเรื้อรัง ชา และร้าวลงขา ด้วยการผ่าตัดกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก MIS TLIF โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นสาเหตุหลักของอาการปวดหลังรุนแรงที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุและวัยทำงานที่เคลื่อนไหวหรือยืนนานเป็นประจำ
หากการรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น กินยา กายภาพ หรือฉีดยาเข้าโพรงประสาทยังไม่ได้ผล และเริ่มมีอาการอ่อนแรงหรือควบคุมขับถ่ายไม่ได้ การผ่าตัดอาจเป็นทางออกที่ปลอดภัยและได้ผลมากกว่า
ในคลิปนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับเทคนิคการผ่าตัด MIS TLIF (Minimally Invasive Transforaminal Lumbar Interbody Fusion) – การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังผ่านแผลเล็ก ที่ช่วยลดความเจ็บ ลดระยะพักฟื้น และเพิ่มคุณภาพชีวิต
ศูนย์กระดูกสันหลัง ชั้น 2 อาคาร King of Bones โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 5500
ผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยเทคนิค MIS TLIF (Subtitle) | โรงพยาบาลเวชธานีบอกลาอาการปวดหลังเรื้อรัง ชา และร้าวลงขา ด้วยการผ่าตัดกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก MIS TLIF
บอกลาอาการปวดหลังร้าวลงขา ด้วยเทคนิคการผ่าตัด MIS TLIF โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทั้งวัยทำงานและผู้สูงอายุ หรือมีอุบัติเหตุทางกระดูกสันหลังมาก่อน จนทำให้กระดูกสันหลังหรือหมอนรองมีภาวะเสื่อมเร็วมากกว่าปกติ ส่งผลทำให้ มีอาการปวดหลังเรื้อรัง ชา และมีอาการร้าวลงขา เดินลำบาก โดยอาการปวดมักจะปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น เดิน ยืน พอนั่งพักอาการมักจะดีขึ้น
ในปัจจุบันมีการผ่าตัดแบบแผลเล็ก MIS TLIF (Minimally Invasive Transforaminal Lumbar Interbody Fusion) ซึ่งเป็นการผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก ที่ช่วยลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบกระดูกสันหลัง
ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000
บอกลาอาการปวดหลังร้าวลงขา ด้วยเทคนิคการผ่าตัด MIS TLIF โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือกระดูกสันหลังเสื่อม
จากรายงานประจำปี 2567 ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย พบว่า ในปี 2567 มีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรอการปลูกถ่ายไต 6,947 คน หรือ 1,976 วัน เท่ากับ 5 ปี 5 เดือน (นับจากวันแรกที่ได้รับการบำบัดทดแทนไต) ซึ่งโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายคือ ภาวะที่ไตทำงานน้อยกว่า 15% จะมีอาการปัสสาวะออกน้อยลง บวมตามตัว โดยเฉพาะขาทั้งสองข้าง ความดันโลหิตสูง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หน้าซีด ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน
โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล มีอายุรแพทย์โรคไตและทีมศัลยแพทย์ปลูกถ่ายไตที่พร้อมให้การรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วยทุกราย วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม หากต้องฟอกไตก็จะแนะนำการฟอกไตอย่างมีมาตรฐาน ส่วนผู้ป่วยที่เหมาะสมกับการปลูกถ่ายไต ก็จะมีการแนะนำขั้นตอน เตรียมความพร้อมการผ่าตัดด้วยทีมสหวิชาชีพ หลังผ่าตัดก็จะได้รับการดูแลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ และการติดตามผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไตระยะยาวโดยแพทย์ชำนาญการเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด
วิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ดีที่สุดคือ การปลูกถ่ายไต เพราะสามารถทำให้ไตกลับมาทำงานได้ปกติใกล้เคียงกับไตเดิม ส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและไม่ต้องกลับมาฟอกไตอีกตลอดชีวิต
การผ่าตัดปลูกถ่ายไต คือการผ่าตัดนำไตที่แข็งแรงและเข้ากันได้จากผู้บริจาค มาปลูกถ่ายไว้ในร่างกายของผู้ป่วย เพื่อทำหน้าที่ทดแทนไตเดิมที่เสื่อมสภาพไปแล้วทั้งหมด การผ่าตัดจะวางไตใหม่ไว้ในบริเวณอุ้งเชิงกรานของผู้ป่วย แล้วจึงต่อหลอดเลือดและท่อไตเข้ากับร่างกายของผู้ป่วย
หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงกับคนปกติ ไม่จำเป็นต้องฟอกไตอีกต่อไป เมื่อร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สุขภาพกายและสุขภาพจิตก็พลอยดีขึ้นตามไปด้วย ความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า และข้อจำกัดในการใช้ชีวิตลดน้อยลง ทำให้สามารถกลับมาทำงาน ทำกิจกรรมที่รัก และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้อย่างเต็มที่
ผู้ป่วยที่จะเข้ารับการปลูกถ่ายไตได้นั้น ต้องผ่านการประเมินจากทีมแพทย์อย่างละเอียด โดยมีเกณฑ์เบื้องต้นดังนี้
ไตที่ใช้ในการปลูกถ่ายมาจากผู้บริจาค 2 แหล่ง ได้แก่
ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้การผ่าตัดเปลี่ยนไตมีอัตราความสำเร็จที่สูงมาก คือเกินร้อยละ 95 ในปีแรก ถ้าได้รับการติดตามโดยแพทย์และกินยากดภูมิอย่างสม่ำเสมอสามารถทำงานได้ดีต่อไปอีกหลายปีโดยไม่มีระยะเวลาจำกัด
กระบวนการปลูกถ่ายไตมีการวางแผนอย่างละเอียด ตั้งแต่การเตรียมตัวไปจนถึงการผ่าตัด
ไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขที่แน่ชัดได้ว่าไตที่ปลูกถ่ายจะอยู่ได้นานกี่ปี เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของไตที่ได้รับ ความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และที่สำคัญที่สุดคือการดูแลตัวเองและการรับประทานยากดภูมิคุ้มกันอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม จากรายงานข้อมูลการปลูกถ่ายอวัยวะปี 2566 โดยสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย พบว่า
หลังการปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องฟอกไตอีกต่อไป แต่ยังคงต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอและใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างเข้มงวด เนื่องจากจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการต่อต้านอวัยวะใหม่ ซึ่งยานี้อาจทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
ด้วยเหตุนี้ หลังการผ่าตัดเปลี่ยนไต ผู้ป่วยจึงต้องดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนที่แออัด เสี่ยงต่อโรค หรืออยู่ในที่ที่สิ่งแวดล้อมไม่สะอาด ควรล้างมือบ่อย ๆ รับประทานอาหารที่สุก สะอาด และมีประโยชน์ งดอาหารที่มีไขมันสูงและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ไม่แนะนำให้คลุกคลีกับสัตว์ แต่หากว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้รักษาความสะอาดภายในบ้านอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
การผ่าตัดเปลี่ยนไต เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และมีความซับซ้อนสูง ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ รวมถึงมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย หากผู้ป่วยต้องการเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ศูนย์ปลูกถ่ายไต โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
ศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000
ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายที่รอปลูกถ่ายไตกว่า 6,000 คน โดยเฉลี่ยหนึ่งคนจะรอประมาณ4-5ปี ซึ่งโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายคือ ไตทำงานน้อยกว่า 15% จะมีอาการ ปัสสาวะผิดปกติ มีฟองมากขึ้น
โรคข้อเสื่อมและอาการปวดเข่าส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ ยิ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาแล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้ปวดเข่าเรื้อรังข้อเข่าเสื่อม ข้อเข่าอักเสบ ข้อเข่าผิดรูป เดินลำบาก ข้อฝืดหรือข้อติดส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลง ช่วยเหลือตัวเองได้ลดลง
ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า โรงพยาบาลเวชธานี มีแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมให้บริการตรวจรักษาโรคที่เกิดจากภาวะข้อเสื่อม โรคข้อเข่าต่างๆ เช่น ข้อเข่าอักเสบ หมอนรองกระดูกเข่าปลิ้นหรือฉีกขาดปวดเข่าหรืออุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบกับข้อเข่า การรักษามีตั้งแต่การทำกายภาพบำบัด ใช้ยา การฉีดน้ำเลี้ยงไขข้อสังเคราะห์ ฉีดพลาสมา (PRP) และผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Computer Assisted Surgery: CAS) ในผู้ป่วยที่มีภาวะข้อเสื่อมรุนแรง ข้อผิดรูป และข้อยึดติดมาก หรือการผ่าตัดส่องกล้องซ่อมหมอนรองกระดูกเข่า ซึ่งแผลมีขนาดเล็กเพียง 5-7 มิลลิเมตร ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องปวดเข่าข้อเข่าเสื่อม ข้อเข่าอักเสบ หายจากความทรมานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า ยังรักษาโรคข้อสะโพกต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม ข้อสะโพกเสื่อม หัวกระดูกสะโพกตาย หรือสะโพกหักจากอุบัติ ฯลฯ ภายใน 24 ชั่วโมง โดยแพทย์เฉพาะทางและอุปกรณ์การรักษาที่ทันสมัย เพื่อให้ผู้ป่วยหายจากความเจ็บปวดและกลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000
โรคข้อเสื่อมและอาการปวดเข่าส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ ยิ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาแล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้ปวดเข่าเรื้อรังข้อเข่าเสื่อม
การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone Marrow/Stem Cell Transplantation) การปลูกถ่ายไขกระดูก มีทั้งการใช้เซลล์ต้นกำเนิดของตัวเอง หรือของบุคคลที่มีความเข้ากันได้ของระบบภูมิคุ้มกัน ข้อมูลในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังเป็นการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งระบบเลือดอื่นๆ หรือมะเร็งเซลล์สืบพันธุ์บางชนิด
ทั้งนี้ การศึกษามะเร็งในปัจจุบันค่อนข้างกว้างขวาง นำไปสู่การรักษาโรคมะเร็งที่หลากหลายและบางกรณีการรักษาจำเป็นต้องใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด โดยการเลือกวิธีในการรักษา แพทย์จะพิจารณาจากชนิดของมะเร็ง ลักษณะของเซลล์ การแสดงออกทางระบบภูมิคุ้มกันวิทยา ระยะของโรค ตำแหน่งของโรค รวมถึงสุขภาพความแข็งแรงโดยรวมของผู้ป่วย เพื่อเลือกการรักษาโรคมะเร็งที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโดยการผ่าตัด การใช้เคมีบำบัด หรือยารักษามะเร็งก็ตาม โดยเป้าหมายคือให้การรักษาที่หวังผลได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับความพยายามให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
ศูนย์มะเร็ง ชั้น 5 โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 2200, 2272
การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone Marrow/Stem Cell Transplantation) การปลูกถ่ายไขกระดูก มีทั้งการใช้เซลล์ต้นกำเนิดของตัวเอง
ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ มักประสบภาวะกระดูกพรุน ประกอบการทรงตัวที่ไม่คล่องแคล่วกระฉับกระเฉงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงมักเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับการหกล้มและกระดูกหักได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกบริเวณสะโพก เนื่องจากเป็นบริเวณหลักในการรับแรงกระแทก
กระดูกสะโพกหัก จำเป็นต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน กระดูกสะโพกหัก จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร็วที่สุด ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา อาทิ เป็นผู้ป่วยติดเตียง เกิดแผลกดทับ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในกระแสเลือด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และเกิดการติดเชื้อ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ศูนย์ฟื้นฟูข้อเสื่อม ชั้น 2 อาคาร King of Bones โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-7340000 ต่อ 2222 , 2224
ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ มักประสบภาวะกระดูกพรุน ประกอบการทรงตัวที่ไม่คล่องแคล่วกระฉับกระเฉงเท่าวัยหนุ่มสาว จึงมักเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับการหกล้มและกระดูกหักได้ง่าย