วิดีโอสุขภาพ Archives - โรงพยาบาลเวชธานี

ลากลิ่มเลือด ฟื้นคืนสมอง ด้วยเทคโนโลยี Biplane DSA

เมื่อรู้สึกชาที่มือ เท้า หน้าบิดเบี้ยว พูดไม่ชัด—อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะอาจเป็น “สัญญาณเตือน” ของโรค หลอดเลือดสมองอุดตัน (Ischemic Stroke) ภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษา หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิต

โรงพยาบาลเวชธานี พร้อมให้การรักษาผู้ป่วยด้วยเทคนิคการ ลากลิ่มเลือด (Clot Retrieval) ผ่านเทคโนโลยี Biplane DSA ซึ่งช่วยให้แพทย์มองเห็นหลอดเลือดในสมองแบบสองมิติหลายมุมมอง พร้อมนำลิ่มเลือดออกได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ทำไมต้องรักษาด้วยเทคโนโลยี Biplane DSA?

  • ลดความเสียหายต่อสมอง ด้วยการกำจัดลิ่มเลือดอย่างรวดเร็ว
  • เพิ่มโอกาสฟื้นฟูการทำงานของสมองและร่างกาย
  • ลดความเสี่ยงจากการหัตถการ ด้วยความแม่นยำสูง
  • ลดเวลาในการรักษา และเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยชีวิต

ใครบ้างที่ควรได้รับการลากลิ่มเลือด?

ผู้ที่มีอาการหลอดเลือดสมองอุดตัน และมาถึงโรงพยาบาลภายใน 4–6 ชั่วโมง หลังเริ่มมีอาการ จะมีโอกาสฟื้นตัวสูงที่สุด

อาการเตือนที่ไม่ควรมองข้าม:

  • ชาครึ่งซีกของร่างกาย
  • พูดไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน
  • เวียนศีรษะรุนแรง สูญเสียการทรงตัว
  • ปวดศีรษะเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ

โรงพยาบาลเวชธานี มีทีมแพทย์เฉพาะทางระบบประสาทและหลอดเลือดสมอง พร้อมเทคโนโลยีระดับสากลในการดูแลผู้ป่วยตลอดกระบวนการ เพื่อให้การรักษาแม่นยำ รวดเร็ว และมีโอกาสฟื้นตัวสูงสุด

หากพบอาการต้องสงสัย รีบพบแพทย์ทันที เพราะทุกนาทีหมายถึงความหวังในการรอดชีวิตและกลับมาใช้ชีวิตได้อีกครั้ง

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 5400

ศูนย์สมองและระบบประสาท

ลากลิ่มเลือดฟื้นคืนสมอง ในผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง

ผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแบบเปิดที่มีบาดแผลขนาดใหญ่และต้องพักฟื้นเป็นเวลานานอีกต่อไป เพราะปัจจุบันมีทางเลือกใหม่ด้วยการ ผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Minimally Invasive Surgery, MIS) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมขั้นสูงที่ช่วยลดความเจ็บปวดและทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

นายแพทย์ชวกร เหลี่ยมไพรบูรณ์ ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า โรคลิ้นหัวใจเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากโรคนี้มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของลิ้นหัวใจเมื่ออายุมากขึ้น รวมถึงสาเหตุอื่นๆ เช่น โรคหัวใจรูมาติก โรคติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ หรือภาวะลิ้นหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด โดยโรคลิ้นหัวใจสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. ลิ้นหัวใจตีบ: เกิดจากการที่ลิ้นหัวใจหนาหรือแข็งตัวเกินไป ทำให้เปิดได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เลือดไหลผ่านได้ยากขึ้น
  2. ลิ้นหัวใจรั่ว: เกิดจากลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท ทำให้เลือดไหลย้อนกลับไปยังห้องหัวใจที่เพิ่งถูกปั๊มเลือดออกกมา

การผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจเป็นการรักษาที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่ลิ้นหัวใจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งการผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจสามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) เป็นวิธีการผ่าตัดมาตรฐานที่ถูกใช้มาอย่างยาวนาน แต่เนื่องจากขั้นตอนการผ่าตัดที่จำเป็นต้องกรีดแผลยาวบริเวณกลางอกและผ่าตัดแยกกระดูกกลางหน้าอกออก ทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ต้องพักฟื้นนาน และมีอาการเจ็บปวดหลังผ่าตัดค่อนข้างมาก

อีกวิธีการที่ได้รับความนิยมแต่สามารถลดข้อจำกัดดังกล่าวได้ คือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Minimally Invasive Surgery, MIS) แพทย์จะใช้เครื่องมือผ่าตัดที่ออกแบบยาวกว่าปกติ และผ่าตัดผ่านช่องซี่โครงทางด้านขวา จากนั้นใช้กล้องวีดิทัศน์สอดผ่านรูเล็กๆ เพื่อขยายภาพ ทำให้มองเห็นภาพที่มีความชัดลึกด้วยระบบ 3 มิติ และใส่สายเครื่องปอดและหัวใจเทียมผ่านบริเวณขาหนีบไปที่เส้นเลือด เพื่อช่วยพยุงการทำงานของปอดและหัวใจใ ศัลยแพทย์จึงสามารถหยุดการเต้นของหัวใจชั่วคราวและเข้าไปซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจได้โดยปลอดภัย

การผ่าตัดหัวใจด้วยเทคนิคส่องกล้อง มีความปลอดภัยเทียบเท่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม แต่ช่วยให้ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อยลง ฟื้นตัวไวขึ้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน และทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการครองเตียงในหอผู้ป่วยวิกฤต ลดจำนวนวันนอนโรงพยาบาล และที่สำคัญยังเพิ่มความสำเร็จของการผ่าตัดในกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่มีหลายโรคร่วมและความเสี่ยงสูงได้

“เราสามารถลดระยะเวลาการฟื้นตัวเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์ ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและลดการสูญเสียเลือดได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นประโยชน์ที่ดีต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะในยุคนี้ที่การฟื้นตัวเร็วถือเป็นสิ่งสำคัญ” นายแพทย์ชวกรกล่าว

อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดหัวใจคนส่วนใหญ่มักมองว่าเป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยง จึงกังวลและไม่กล้าเข้ารับการรักษา แต่ด้วยเทคโนโลยีและความชำนาญของศัลยแพทย์ทำให้การผ่าตัดหัวใจไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และที่สำคัญยิ่งเข้ารับการผ่าตัดเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้การรักษาไม่ซับซ้อน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 5300

ศูนย์หัวใจ

ผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจเทคนิค MIS แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว

ศูนย์ศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนัก โรงพยาบาลเวชธานี ให้บริการดูแลรักษาครอบคลุมทุกปัญหาของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ทั้งอาการทั่วไปและโรคร้ายแรง อาทิ ถ่ายอุจจาระมีเลือด ริดสีดวงทวาร แผลขอบทวาร ฝีคัณฑสูตร หูดหงอนไก่ ท้องผูกเรื้อรัง ลำไส้ใหญ่อักเสบ ไปจนถึงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

เราพร้อมด้วยทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่มากประสบการณ์ ร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ (Multidisciplinary Team) ในการวางแผนและดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ

บริการเด่นของเรา ได้แก่

  • ผ่าตัดผ่านกล้องส่อง (Laparoscopic Colorectal Surgery)
  • ให้ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็ง
  • ตรวจคัดกรองและป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้อง (Colonoscopy)

ทุกขั้นตอนการรักษาดำเนินด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เทียบเท่าระดับสากล พร้อมความใส่ใจในรายละเอียดของผู้ป่วยแต่ละราย

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ชั้น 3 โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 2715 , 2716

ศูนย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

ผ่าตัดมะเร็งลำไส้ แบบเก็บหูรูดทวารหนัก

ผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยเทคนิค MIS TLIF (Subtitle) | โรงพยาบาลเวชธานี บอกลาอาการปวดหลังเรื้อรัง ชา และร้าวลงขา ด้วยการผ่าตัดกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก MIS TLIF โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นสาเหตุหลักของอาการปวดหลังรุนแรงที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยเฉพาะในผู้สูงอายุและวัยทำงานที่เคลื่อนไหวหรือยืนนานเป็นประจำ

หากการรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น กินยา กายภาพ หรือฉีดยาเข้าโพรงประสาทยังไม่ได้ผล และเริ่มมีอาการอ่อนแรงหรือควบคุมขับถ่ายไม่ได้ การผ่าตัดอาจเป็นทางออกที่ปลอดภัยและได้ผลมากกว่า

ในคลิปนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับเทคนิคการผ่าตัด MIS TLIF (Minimally Invasive Transforaminal Lumbar Interbody Fusion) – การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังผ่านแผลเล็ก ที่ช่วยลดความเจ็บ ลดระยะพักฟื้น และเพิ่มคุณภาพชีวิต

  • แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว
  • ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
  • เสียเลือดน้อย เสี่ยงติดเชื้อต่ำ
  • กลับมาเคลื่อนไหวได้เร็ว

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์กระดูกสันหลัง ชั้น 2 อาคาร King of Bones โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 5500

ศูนย์กระดูกสันหลัง

ผ่าตัดกระดูกสันหลังด้วยเทคนิค MIS TLIF

อย่าปล่อยให้อาการปวด มาขัดขวางการใช้ชีวิต | รพ.เวชธานี King of Bones ฟื้นฟูกระดูก ฟื้นคืนความสุข…

เพราะทุกอาการปวดของกระดูก ไม่ว่าจะเป็น ปวดเข่า ข้อเสื่อม ปวดหลัง ไหล่ติด หรือแม้แต่การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ล้วนทำให้กิจกรรมที่ชื่นชอบต้องหยุดชะงัก ที่ #VejthaniKingofBones เราพร้อมดูแลทุกอาการของกระดูกและข้อ โดยแพทย์ชำนาญการที่มีประสบการณ์สูง ผสานกับเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ทันสมัย เพื่อให้คุณกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

อย่าปล่อยให้อาการปวด มาขัดขวางการใช้ชีวิต

บอกลาอาการปวดหลังร้าวลงขา ด้วยเทคนิคการผ่าตัด MIS TLIF โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือกระดูกสันหลังเสื่อม เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทั้งวัยทำงานและผู้สูงอายุ หรือมีอุบัติเหตุทางกระดูกสันหลังมาก่อน จนทำให้กระดูกสันหลังหรือหมอนรองมีภาวะเสื่อมเร็วมากกว่าปกติ ส่งผลทำให้ มีอาการปวดหลังเรื้อรัง ชา และมีอาการร้าวลงขา เดินลำบาก โดยอาการปวดมักจะปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น เดิน ยืน พอนั่งพักอาการมักจะดีขึ้น 

การรักษาจะมี 3 วิธีดังนี้ 

  • กินยาตามอาการ, ทำกายภาพบำบัด ควบคู่ไปกับการควบคุมพฤติกรรมต่างๆ เช่น ลดการนั่งนาน งดการยกของหนัก 
  • การฉีดยาเข้าโพรงประสาทสันหลัง เพื่อช่วยลดการอักเสบหรืออาการปวดหลังร้าวลงขาจากการกดทับเส้นประสาท 
  • แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรืออาการเป็นมากขึ้น เช่น อ่อนแรง ควบคุมปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ การผ่าตัดเป็นทางเลือกอย่างหนึ่งที่ช่วยลดอาการและทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

ในปัจจุบันมีการผ่าตัดแบบแผลเล็ก MIS TLIF (Minimally Invasive Transforaminal Lumbar Interbody Fusion) ซึ่งเป็นการผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกสันหลังแบบแผลเล็ก ที่ช่วยลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบกระดูกสันหลัง

ข้อดีของการผ่าตัดแบบ MIS TLIF

  • แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว 
  • ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบข้าง 
  • ลดความเสี่ยงติดเชื้อ และเสียเลือดน้อย 
  • ลดระยะเวลานอนโรงพยาบาล การผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้เหมาะกับคนที่เป็นโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis) ที่มีภาวะความไม่มั่นคง (Instability) ร่วม หรือ ภาวะกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal Stenosis) ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดเป็นระยะเวลามากกว่า 6 เดือน

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี 
โทร. 02-734-0000

ศูนย์กระดูกสันหลัง

โรคกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทรักษาด้วย MIS TLIF | โรงพยาบาลเวชธานี

ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่รอปลูกถ่ายไตกว่า 6,000 คน โดยเฉลี่ยหนึ่งคนจะรอประมาณ 4-5 ปี ซึ่งโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายคือ ภาวะที่ไตทำงานน้อยกว่า 15% จะมีอาการปัสสาวะผิดปกติ มีฟองมากขึ้น ปัสสาวะกลางคืนบ่อย สีขุ่น มีเลือดปน ตาบวมหน้าบวมหลังตื่นนอน ความดันโลหิตสูง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หน้าซีด ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน

แนวทางการรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย

  1. ล้างไตทางช่องท้อง  
  2. ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม  
  3. ปลูกถ่ายไต  

โรงพยาบาลเวชธานีมีอายุรแพทย์โรคไตที่จะเลือกวิธีการรักษาที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ป่วยแต่ละราย ถ้าผู้ป่วยเหมาะสมกับการฟอกไตก็จะแนะนำการฟอกไตต่อเนื่อง ส่วนผู้ป่วยที่เหมาะสมกับการปลูกถ่ายไต ก็จะมีการแนะนำขั้นตอน เตรียมความพร้อมการผ่าตัดด้วยทีมสหวิชาชีพ หลังผ่าตัดจะมีห้องปลอดเชื้อในการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน และการติดตามผู้ป่วยต่อเนื่อง จนกว่าผู้ป่วยจะมีสุขภาพแข็งแรง

การผ่าตัดเปลี่ยนไต

วิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ดีที่สุดคือ การปลูกถ่ายไต ที่สามารถทำให้ไตกลับมาทำงานปกติใกล้เคียงกับของเดิม ส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อายุยืน และไม่ต้องกลับมาฟอกไตอีกตลอดชีวิต 

การรับบริจาคไตเพื่อผ่าตัดเปลี่ยนไตมี 2 วิธี คือ การบริจาคจากญาติพี่น้อง สามีภรรยา ที่ยังมีชีวิต มีโอกาสสำเร็จเกิน 95 % หรือไปลงทะเบียนผ่านโรงพยาบาลที่เป็นสมาชิกของสภากาชาดไทย เพื่อรอรับบริจาคไตจากผู้บริจาคสมองตาย

การดูแลตัวเองหลังเปลี่ยนไต

แม้ว่าผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องฟอกไตอีกต่อไปแล้ว แต่ผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไตสำเร็จก็ยังมีความจำเป็นต้องมาพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง และดูแลตัวอย่างเคร่งครัด โดยจะต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันร่างกายต่อต้านไตไปตลอดชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย 

ด้วยเหตุนี้ หลังการผ่าตัดเปลี่ยนไต ผู้ป่วยจึงต้องดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างเคร่งครัด ลดการอยู่ในที่ชุมชนที่แออัด เสี่ยงต่อโรค หรืออยู่ในที่ที่สิ่งแวดล้อมไม่สะอาด ควรล้างมือบ่อย ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารที่มีไขมันสูงและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

ไม่แนะนำให้คลุกคลีกับสัตว์ แต่หากว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้รักษาความสะอาดภายในบ้านให้ดีเยี่ยม เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด 


การผ่าตัดเปลี่ยนไต เป็นแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และมีความซับซ้อนสูง ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ รวมถึงมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย หากผู้ป่วยต้องการเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ศูนย์ปลูกถ่ายไต โรงพยาบาลเวชธานี

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ศูนย์ไตเทียม ชั้น 4 โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-7340000 ต่อ 5021

ศูนย์ไตเทียม

ผ่าตัดเปลี่ยนไต ความหวังของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย

โรคข้อเสื่อมและอาการปวดเข่าส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ ยิ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาแล้วปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้ปวดเข่าเรื้อรังข้อเข่าเสื่อม ข้อเข่าอักเสบ ข้อเข่าผิดรูป เดินลำบาก ข้อฝืดหรือข้อติดส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และอาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลง ช่วยเหลือตัวเองได้ลดลง

ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า โรงพยาบาลเวชธานี มีแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมให้บริการตรวจรักษาโรคที่เกิดจากภาวะข้อเสื่อม โรคข้อเข่าต่างๆ เช่น ข้อเข่าอักเสบ หมอนรองกระดูกเข่าปลิ้นหรือฉีกขาดปวดเข่าหรืออุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบกับข้อเข่า การรักษามีตั้งแต่การทำกายภาพบำบัด ใช้ยา การฉีดน้ำเลี้ยงไขข้อสังเคราะห์ ฉีดพลาสมา (PRP) และผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Computer Assisted Surgery: CAS) ในผู้ป่วยที่มีภาวะข้อเสื่อมรุนแรง ข้อผิดรูป และข้อยึดติดมาก หรือการผ่าตัดส่องกล้องซ่อมหมอนรองกระดูกเข่า ซึ่งแผลมีขนาดเล็กเพียง 5-7 มิลลิเมตร ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องปวดเข่าข้อเข่าเสื่อม ข้อเข่าอักเสบ หายจากความทรมานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า ยังรักษาโรคข้อสะโพกต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม ข้อสะโพกเสื่อม หัวกระดูกสะโพกตาย หรือสะโพกหักจากอุบัติ ฯลฯ ภายใน 24 ชั่วโมง โดยแพทย์เฉพาะทางและอุปกรณ์การรักษาที่ทันสมัย เพื่อให้ผู้ป่วยหายจากความเจ็บปวดและกลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000

ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า

สูงวัยสะโพกหัก รักษาไวภายใน 24 ชั่วโมง ฟื้นตัวเร็ว ลดโอกาสนอนติดเตียง

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์กระดูกและข้อ
โทร. 02-734-0000 ต่อ 2299

ศูนย์กระดูกและข้อ

Biologic Collagen Patch ช่วยลดปัญหาเอ็นหัวไหล่ฉีกขาดซ้ำหลังผ่าตัด
9131