โรคสมองขาดเลือด ภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษาก่อนเสี่ยงอัมพาต
โรคสมองขาดเลือดเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดสมอง เสี่ยงอัมพาตถาวร หากรักษาทันภายใน 24ชม.ด้วยเทคโนโลยี Biplane DSA ช่วยเพิ่มโอกาสฟื้นตัว
โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ที่เป็นมักมีอาการอย่างเฉียบพลัน บางรายโชคดีถึงมือแพทย์เร็วทันเวลาก็อาจรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่บางรายต้องกลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต และบางรายต้องเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งต่อตัวผู้ป่วยเอง คนใกล้ชิด ไปจนถึงกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคม
โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน หรือ Stroke เป็นภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะเกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนต่าง ๆ ส่งผลให้สมองขาดเลือด อยู่ในภาวะที่ทำงานไม่ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการต่าง ๆ เช่น ตามองไม่เห็น ชาครึ่งซีก หรือเป็นอัมพาตแบบครึ่งซีก หรือพูดไม่ชัดหรือไม่พูด ส่วนใหญ่มักเกิดในกลุ่มวัยกลางคนขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กำลังสร้างสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะแสดงออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีอาการหลายอย่างพร้อมกัน โดยถ้าผู้ป่วยสามารถกลับคืนมาปกติใน 24 ชั่วโมง เรียกว่า TIA (Transient Ischemic Attack) หรือ Mini Stroke ถ้าพบอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาและวินิจฉัยโดยด่วน
รู้หรือไม่ว่า พฤติกรรมและโรคบางอย่างอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบตันได้ โดยปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคมีดังนี้
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน สามารถตรวจคัดกรองด้วย Carotid Doppler หรือการตรวจหลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอ เพื่อดูความหนาของหลอดเลือด การตีบหรือตันของหลอดเลือด รวมถึงปริมาณไขมันและหินปูนที่เกาะบริเวณผนังหลอดเลือด เพื่อตรวจสอบการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงที่สมอง
แพทย์จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ให้ผลละเอียดและมีความแม่นยำสูง เช่น การตรวจสมองด้วยคอมพิวเตอร์ (CT Scan) การตรวจด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI และ MRA) การตรวจการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดในสมอง (Transcranial Doppler : TCD) และการตรวจหลอดเลือดคอ เพื่อดูว่ามีการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดส่วนไหน และความรุนแรงเป็นอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบตันที่สำคัญที่สุดคือ การทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยให้เซลล์สมองที่ยังไม่ตายฟื้นตัวขึ้นมาเร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติได้
ซึ่งการรักษานี้จะต้องทำภายใน 4.5 ชั่วโมง เพื่อให้ยาละลายลิ่มเลือด (Thrombolysis) การให้ยานี้ผู้ป่วยควรอยู่ในความดูแลของอายุรแพทย์โรคสมองและระบบประสาท หากเกิน 4.5 ชั่วโมงแล้ว ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาลต่ออีก 2-3 วัน ด้วยวิธีการที่เหมาะสมต่อผู้ป่วยมากที่สุด เช่น
ผู้ป่วยควรได้รับการฟื้นฟูมากที่สุด เพื่อให้ช่วยเหลือตัวเองหรือเป็นอิสระมากที่สุด ในกรณีผู้ป่วยบางรายที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทีมแพทย์และพยาบาลควรจะมีการติดตามอาการผู้ป่วยขณะบำบัดที่บ้านด้วย
โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เป็นโรคที่อันตรายและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้อย่างมาก แต่เราสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ดังนี้
ความประมาทในวัยหนุ่มสาว มักทำให้เราเชื่อมั่นในสุขภาพร่างกายของตนเองมากเกินไป จนใช้ชีวิตอย่างหนักหน่วง ไม่หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และละเลยการดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง จนเป็นบ่อเกิดที่ค่อย ๆ สะสมภัยร้าย เมื่อผนวกกับร่างกายที่เริ่มเสื่อมไปตามกาลเวลา จึงนำไปสู่โรคร้ายแรงที่สามารถคร่าชีวิตคนได้ทันที หรือต้องได้รับการรักษาเพื่อประคองตัวอย่างยาวนาน ทางที่ดีเราควรเริ่มดูแลสุขภาพกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ต้านทานโรคภัยต่าง ๆ และมีสุขภาวะที่ดีไปอีกยืนยาว
เพราะสุขภาพดีสร้างได้ ไม่ใช่ความโชคดี แต่เป็นเรื่องของแนวคิดและวิธีในการปฏิบัติต่อร่างกายของตัวเอง สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือมีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน สามารถปรึกษาได้ที่ ศูนย์สมองและระบบประสาท ชั้น 4 ตึก King of Bones โรงพยาบาลเวชธานี ทีมแพทย์ชำนาญการของเราพร้อมให้การตรวจวินิจฉัยและรักษา ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02-734-0000 ต่อ 5400, 5444


อายุรศาสตร์โรคสมองและระบบประสาท
อายุรศาสตร์โรคสมองและระบบประสาท - โรคหลอดเลือดสมอง