อย่าปล่อยผ่าน! “ตาขี้เกียจในเด็ก” ภัยเงียบที่อาจทำให้มองไม่ชัดไปตลอดชีวิต

บทความสุขภาพ
เด็กหญิงกำลังตรวจสายตาเพื่อวินิจฉัยภาวะตาขี้เกียจ (Lazy eye) ซึ่งมีสาเหตุจากตาเขในเด็กหรือสายตาผิดปกติ

หลายท่านอาจไม่ทราบว่าลูกของตนเองมองเห็นดีหรือไม่ การที่เด็กยังเล่นได้หรือไม่ได้บ่นว่าตามัว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ “มองเห็นดี” การมองเห็นที่ไม่ดีในเด็กนั้นมีหลายสาเหตุ แต่บางสาเหตุหากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจทำให้การมองเห็นนั้นไม่ดีไปตลอดชีวิตได้เลย ซึ่งหนึ่งในสาเหตุนั้นคือ “ตาขี้เกียจ””

ภาวะตาขี้เกียจคืออะไร

ภาวะตาขี้เกียจ (Amblyopia) เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติทางตา ที่ทำให้สมองส่วนการมองเห็นไม่สามารถพัฒนาไปได้อย่างเต็มที่หรือหยุดพัฒนาไป ทำให้ตาข้างนั้น ๆ อาจมองไม่ชัดไปตลอดได้หากไม่ได้รับการแก้ไขในช่วงที่สมองยังพัฒนาได้อยู่

สาเหตุหลักของตาขี้เกียจ

ค่าสายตาผิดปกติ (Refractive amblyopia)

ไม่ว่าจะสั้น ยาว หรือเอียง หากมีค่าที่มากเกินไป หรือค่าทั้งสองข้างต่างกันมาก ก็ทำให้เกิดตาขี้เกียจได้

ตาเขหรือตาเหล่ในเด็ก (Strabismic amblyopia)

สมองจะเลือกใช้ตาข้างที่ตรงในการมอง ทำให้เกิดตาขี้เกียจในตาข้างที่เข

โรคทางตาที่บดบังการมองเห็น (Visual deprivation amblyopia)

เช่น ต้อกระจกในเด็ก กระจกตาขุ่น เปลือกตาตก เป็นต้น

อาการและสัญญาณภาวะตาขี้เกียจที่ผู้ปกครองควรสังเกต

อาการบางอย่างที่อาจทำให้สงสัยว่ามีความผิดปกติทางตาหรือภาวะตาขี้เกียจ เช่น เด็กไม่มองตามหรือไม่มองหน้าสบตา เด็กต้องหรี่ตาหรือเอียงหัวเมื่อมอง มีตาเขในเด็ก เป็นต้น แต่ทั้งนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักไม่ทันสังเกตหรือสังเกตเห็นได้ช้า เนื่องจากเด็กที่มีภาวะตาขี้เกียจยังใช้ชีวิตได้ดูปกติ

ในช่วงวัยเรียน เด็กต้องใช้สายตาเกือบตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน เขียน หรือมองจอ/กระดาน หากตาข้างนึงมองไม่ชัด จะทำให้เกิดปัญหาด้านการเรียน จนอาจถูกเข้าใจผิดว่าไม่ตั้งใจเรียนหรือมีปัญหาด้านอื่น ๆ ได้ ทั้งที่แท้จริงแล้วเกิดมาจากปัญหาการมองเห็น

เมื่อไหร่ควรมาตรวจสายตาเด็กเพื่อคัดกรองและรักษา

ในประเทศอเมริกาแนะนำว่าเด็กควรได้รับการตรวจสายตาเพื่อคัดกรองอย่างน้อย 1 ครั้ง 

อายุที่ควรตรวจคัดกรอง

ก่อนอายุ 3 – 5 ขวบ และควรตรวจไปปีละครั้งจนพัฒนาการมองเห็นสมบูรณ์ดีแล้วการตรวจขึ้นอยู่กับอายุเด็ก แพทย์จะทำการตรวจตา การทำงานของกล้ามเนื้อตา ประเมินการมองเห็น วัดค่าสายตา เป็นต้น

แนวทางการรักษาภาวะสายตาขี้เกียจ

จากการข้อมูลพบว่า ช่วงเวลาที่จะทำให้การรักษาได้ผลดีที่สุด คือก่อนอายุ 7–8 ปี เพราะสมองของเด็กยังพัฒนาได้เต็มที่ หากปล่อยเลยวัยนี้แล้วจะทำให้ผลลัพธ์ของการรักษาลดลง โดยการรักษาแบ่งเป็น

1. รักษาโดยแก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดตาขี้เกียจ 

การใส่แว่นตาในรายที่มีค่าสายตาที่ผิดปกติหรือตาเขบางชนิด การผ่าตัดรักษาในรายที่มีตาเข ต้อกระจก เปลือกตาตก เป็นต้น

2. การกระตุ้นให้ข้างที่สงสัยภาวะตาขี้เกียจให้ได้ใช้งานมากขึ้น 

  • การลดการใช้งานตาข้างที่ดี เช่น การปิดตาข้างที่ดี (Patching) การหยอดยาหรือใช้เลนส์ในตาข้างที่ดีให้มัวลงชั่วคราว แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในการควบคุมโดยแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดตาขี้เกียจในตาข้างที่ดีจากการรักษาได้ (Reverse amblyopia)
  • การกระตุ้นให้ตาขี้เกียจได้ใช้งาน เช่น การเล่น VDO เกมส์ หรือมีกิจกรรมในมองมองใกล้ 20 – 30 นาทีต่อวัน 

ข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครอง

“เด็กที่มีตาขี้เกียจหลายคนดูเหมือนจะมองเห็นดี เพราะใช้ตาอีกข้างที่ยังปกติช่วย ดูไม่ได้เป็นปัญหาที่น่ากังวล แต่เมื่อโตขึ้นจะพบว่ากิจกรรมที่ต้องใช้การมองเห็นที่ละเอียดด้วยตาสองข้าง เช่น การกะระยะ การมองภาพสามมิติ อาจส่งผลกับการทำงานบางสาขาได้ การรักษาในวัยผู้ใหญ่จะได้ผลน้อยกว่าการรักษาในตอนเด็กค่อนข้างมาก ดังนั้น ตาขี้เกียจอาจเป็นคำเรียกที่ฟังดูไม่ร้ายแรง แต่ผลที่ตามมาอาจส่งผลไปตลอดชีวิตได้ การสังเกตและตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสำคัญของการรักษา เพราะดวงตาของเด็กยังมีพลังในการฟื้นตัวและพัฒนาต่อได้” นายแพทย์พงษ์สันต์กล่าว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะตาขี้เกียจ

เด็กดูเหมือนมองเห็นปกติ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น “ตาขี้เกียจ”?

เด็กที่มีภาวะตาขี้เกียจมักใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะสมองจะเลือกใช้ “ตาข้างที่มองชัดกว่า” แทนตาข้างที่มีปัญหา อาการที่ควรระวัง เช่น เด็กไม่มองสบตา ต้องหรี่ตาหรือเอียงหัวเวลามอง มีตาเขในเด็ก หรือมีปัญหาด้านการเรียนเพราะมองไม่ชัดโดยไม่รู้ตัว 

ภาวะตาขี้เกียจเกิดจากอะไรได้บ้าง

สาเหตุหลักมี 3 กลุ่ม ได้แก่

  • ค่าสายตาผิดปกติ (Refractive amblyopia): เช่น สายตาสั้น ยาว หรือเอียง โดยเฉพาะเมื่อค่าระหว่างตาทั้งสองข้างต่างกันมาก
  • ตาเขหรือตาเหล่ (Strabismic amblyopia): สมองเลือกใช้ตาข้างที่ตรง ทำให้ตาข้างที่เขไม่ถูกใช้งานและกลายเป็นตาขี้เกียจ
  • โรคทางตาที่บดบังการมองเห็น (Visual deprivation amblyopia): เช่น ต้อกระจกในเด็ก กระจกตาขุ่น หรือเปลือกตาตก

ภาวะตาขี้เกียจในเด็กควรรักษาช่วงอายุไหนได้ผลดีที่สุด?

ช่วงเวลาที่การรักษาได้ผลดีที่สุดคือ ก่อนอายุ 7–8 ปี เพราะสมองของเด็กยังพัฒนาได้เต็มที่ ยิ่งตรวจพบและรักษาเร็ว โอกาสฟื้นฟูการมองเห็นก็ยิ่งสูงขึ้นมาก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์ตา โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000

Medically Reviewed by

นพ. พงษ์สันต์  สุปรียธิติกุล
นพ. พงษ์สันต์ สุปรียธิติกุล

จักษุวิทยา

จักษุวิทยา - โรคตาเด็กและโรคตาเข

Readers’ Rating

5.0 out of 5 stars (based on 2 reviews)