ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม (Degenerative Spine Disease) เป็นหนึ่งในโรคกระดูกที่พบบ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน หรือมีพฤติกรรมก้มเล่นโทรศัพท์บ่อย ภาวะนี้เกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูก ข้อต่อ และกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดคอ หรืออาการชาร้าวลงแขนขา หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมคืออะไร
กระดูกสันหลังของคนเราประกอบด้วยปล้องกระดูก หมอนรองกระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อพยุงหลัง เมื่ออายุมากขึ้นหรือใช้งานผิดท่า ส่วนประกอบเหล่านี้จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพ ทำให้ช่องว่างระหว่างกระดูกแคบลง เกิดแรงกดทับต่อเส้นประสาท จนเกิดอาการปวดหลัง ปวดคอ หรือชาร้าวลงแขนและขา
อายุที่มากขึ้น โครงสร้างกระดูกและหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพตามเวลา
พฤติกรรมการใช้ชีวิต นั่งทำงานนาน ยกของหนัก หรือออกกำลังกายไม่เพียงพอ
น้ำหนักตัวเกิน เพิ่มแรงกดต่อกระดูกสันหลัง
ท่าทางไม่ถูกต้อง เช่น นั่งหลังค่อม ก้มดูโทรศัพท์บ่อย
อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ อาจส่งผลให้กระดูกสันหลังบิดหรือเสียรูป
พันธุกรรมและโครงสร้างร่างกาย บางคนมีแนวโน้มเกิดการเสื่อมเร็วกว่าปกติ
อาการของภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม
ปวดหลังส่วนล่างหรือปวดต้นคอเป็นประจำ
ปวดร้าวลงแขนหรือขา
ชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
เคลื่อนไหว ก้ม หรือเงยลำบาก
หากรุนแรง อาจเดินลำบากหรือควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
วิธีวินิจฉัยภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจแนะนำการตรวจเพิ่มเติม เช่น
X-ray: ดูแนวกระดูกและระยะห่างของหมอนรองกระดูก
MRI: ตรวจหาภาวะหมอนรองกระดูกปลิ้นหรือเส้นประสาทถูกกดทับ
CT Scan: ประเมินความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกอย่างละเอียด
แนวทางการรักษาภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ
กายภาพบำบัด ฝึกกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัว
ปรับพฤติกรรมการนั่ง เดิน และยกของให้ถูกวิธี
ฉีดยาลดการอักเสบเฉพาะจุด
การรักษาแบบผ่าตัด
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 6–12 สัปดาห์ หรือเส้นประสาทถูกกดทับรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด เช่น
ผ่าตัดหมอนรองกระดูก (Discectomy)
ผ่าตัดขยายโพรงกระดูก (Laminectomy)
ผ่าตัดเชื่อมกระดูกสันหลัง (Spinal Fusion)
ปัจจุบันมีการผ่าตัดแบบแผลเล็ก (MIS: Minimally Invasive Surgery) เป็นการผ่าตัดโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง เพื่อจะลดขนาดของแผลผ่าตัด รวมถึงทำให้สามารถเห็นบริเวณที่ทำการผ่าตัดได้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการใส่โลหะยึดตรึงกระดูกสันหลังด้วยระบบนำวิถี (Navigator) ช่วยให้สามารถใส่โลหะยึดตรึงกระดูกได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
การป้องกันภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น ว่ายน้ำ เดิน หรือโยคะ
นั่งและยืนในท่าที่ถูกต้อง
หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือก้มผิดท่า
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
พักผ่อนให้เพียงพอ
ควรพบแพทย์เมื่อใด
หากมีอาการปวดหลังหรือปวดคอเรื้อรัง ชา อ่อนแรง หรือมีปัญหาการเดิน ควรรีบพบแพทย์ชำนาญการด้านกระดูกสันหลัง เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่ระยะแรก
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวโรคกระดูกสันหลังเสื่อม
ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมพบได้ในวัยทำงานจริงไหม?
จริงครับ ไลฟ์สไตล์นั่งนาน ก้มจอนาน ยกของผิดท่า และกล้ามเนื้อแกนกลางอ่อนแรง ล้วนเร่งการเสื่อมและกระตุ้นอาการในคนอายุ 25–45 ปีได้
ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมต่างจากหมอนรองกระดูกปลิ้นอย่างไร?
กระดูกสันหลังเสื่อมเป็น “สภาพการเสื่อมของโครงสร้างหลัง” โดยรวม ส่วนหมอนรองกระดูกปลิ้น (Herniated Disc) เป็นภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการเสื่อม หมอนรองกระดูกที่สึกจะปลิ้นออกมากดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดร้าวหรือชา
ภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมรักษาหายไหม?
รักษาได้ครับ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีไม่ผ่าตัด เช่น กายภาพบำบัด ปรับท่าทาง หรือฉีดยาลดอักเสบ แต่หากอาการรุนแรงจนเส้นประสาทถูกกดทับ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล โทร. 02-734-0000
Medically Reviewed by
นพ. กิติเดช บุญชัย
ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ
ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ - โรคกระดูกสันหลัง
Readers’ Rating
5.0 out of 5 stars (based on 7 reviews)