อาการปวดหลังส่วนต่าง ๆ
อาการปวดหลังสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายตำแหน่ง ซึ่งแต่ละตำแหน่งอาจบ่งบอกถึงสาเหตุและโรคที่แตกต่างกันได้
อาการปวดหลังส่วนบน
อาการปวดมักเกิดบริเวณช่วงคอ บ่า ไหล่ และแขน สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน การก้มเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือการสะพายกระเป๋าหนัก ๆ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เช่น ออฟฟิศซินโดรม หรือโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังส่วนคอได้
อาการปวดหลังส่วนกลาง
เป็นอาการปวดหลังตรงกลาง หรือปวดเยื้องไปด้านซ้ายหรือขวา มักเกิดจากการยกของหนักเกินไป หรือเกิดอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนโดยตรง นอกจากปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อและข้อต่อกระดูกแล้ว อาการปวดบริเวณนี้อาจเชื่อมโยงกับโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคไต ระบบทางเดินปัสสาวะ
อาการปวดหลังส่วนล่าง หรือช่วงเอว
อาการปวดหลังส่วนล่าง หรือช่วงเอว สาเหตุหลักมาจากการรับน้ำหนักตัว การนั่ง หรือยืนนานเกินไป นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่พบได้บ่อย เช่น โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังติดเชื้อ ไปจนถึงอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังโดยตรง เช่น โรคไต โรคทางเดินอาหาร หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ
อาการปวดหลังแบบไหนเสี่ยงโรค
สำหรับคนที่มีอาการปวดหลัง ควรหมั่นสังเกตตัวเองว่า เวลาปวดนั้นรู้สึกปวดแบบใด เพราะลักษณะอาการปวดหลังนั้นสามารถ เป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ ดังนี้
ปวดล้า ๆ เมื่อย ๆ มีจุดที่กดแล้วปวดมากขึ้น สาเหตุอาจเกิดจากกล้ามเนื้อ
ปวดร้าวเหมือนไฟฟ้าช็อต เช่น ร้าวจากคอไปถึงปลายนิ้วมือ สาเหตุอาจเกิดจากเส้นประสาทที่ถูกกดเบียด
ปวดตรงแนวกระดูกกลางหลัง มักเกิดจากตัวกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง หรือเอ็นยึดระหว่างกระดูกสันหลัง
ปวดหลังเยื้องออกมาด้านข้างอาจจะเป็นจากกล้ามเนื้อหลัง
ปวดหลังแบบมีอาการชาหรืออาการอ่อนแรงร่วมด้วย อาจเกิดความผิดปกติของระบบประสาท หรือเส้นประสาท อาจมีแนวโน้มจะเป็นโรคจากหมอนรองกระดูกสันหลัง กดทับรากประสาท
ปวดหลัง หลังจากยกของหนักหรือเล่นกีฬา อาจเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบ
ปวดหลังแบบไหน ควรรีบไปพบแพทย์
ถ้าหากอาการปวดหลังที่เป็นอยู่ไม่สามารถหายได้เองหรือเป็นเกิน 2 – 3 อาทิตย์ขึ้นไป ควรเข้าแพทย์เฉพาะทางหาสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและถูกวิธี
การรักษาอาการปวดหลัง
การรักษาอาการปวดหลังมีหลากหลายวิธี แพทย์จะเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุดโดยพิจารณาจากสาเหตุ ความรุนแรงของอาการ และลักษณะการใช้ชีวิตของผู้ป่วยแต่ละราย โดยส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากการรักษาแบบประคับประคองก่อน เช่น การรับประทานยา การทายาเพื่อลดอาการปวด การทำกายภาพบำบัด ต่อมาจะเป็นวิธีการรักษาด้วยหัตถการระงับปวด เช่น การใช้คลื่นความถี่วิทยุจี้เส้นประสาท (Radiofrequency Ablation – RFA) เพื่อลดอาการปวด
การผ่าตัดจะถูกพิจารณาเป็นทางเลือกสุดท้าย เมื่อการรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมีข้อบ่งชี้ชัดเจน เช่น มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างรุนแรง ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ หรือมีโครงสร้างกระดูกสันหลังที่ผิดปกติ เช่น การผ่าตัดเพื่อยึดเชื่อมกระดูกสันหลังเพื่อจัดแนวกระดูกสันหลังให้เป็นปกติ การผ่าตัดกระดูกสันหลังเพื่อลดการกดทับเส้นประสาท เป็นต้น
วิธีป้องกันและบรรเทาอาการปวดหลัง
บรรเทาอาการปวดเบื้องต้น ด้วยการประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรกเพื่อลดการอักเสบ จากนั้นเปลี่ยนเป็นประคบร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
รับประทานยาแก้ปวด หรือยาที่ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ
ปรับท่านั่งให้หลังแนบพนักพิง และวางเท้าแนบพื้น
ยืนให้ขาทั้งสองข้างรับน้ำหนักเท่ากัน
หลีกเลี่ยงการก้มตัวยกของหนักโดยตรง ควรใช้วิธีย่อเข่าลงไปยกแทน
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นั่งทำงานนาน ยกของหนัก หรือใส่รองเท้าส้นสูง
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล โทร 02-734-0000 ต่อ 5500
Medically Reviewed by
นพ. เอกพล ลาภอำนวยผล
ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ
ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ - โรคกระดูกสันหลัง
Readers’ Rating
0.0 out of 5 stars (based on 0 reviews)