ผ่าตัดข้อเข่าเสื่อม ลุกเดินได้ใน 6 ชม. ด้วยหุ่นยนต์ VELYS
ข้อเข่าเสื่อมรักษาได้ ผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ VELYS™ เดินได้ใน 6 ชม. เจ็บน้อย ฟื้นไว กลับใช้ชีวิตมั่นใจอีกครั้ง
ข้อไหล่ เป็นข้อที่มีโอกาสหลุดสูงที่สุดในร่างกาย คิดเป็นร้อยละ 45-50 ของอุบัติการณ์ข้อหลุดทั้งหมดในร่างกาย ข้อไหล่หลุดประเภทหลุดเคลื่อนมาทางด้านหน้า (anterior shoulder dislocations) พบได้บ่อยถึงร้อยละ 90 ของข้อไหล่หลุดทั้งหมด โดยสาเหตุหลักคือ อุบัติเหตุ ซึ่งอาจสูงได้ถึงร้อยละ 96 กลไกการเกิดคือ การตกจากที่สูงหรือหัวไหล่อยู่ในท่ากางไหล่และหมุนไหล่ออกอย่างรุนแรง (abducted externally rotated shoulder) อัตราการเกิดข้อไหล่หลุดซ้ำแตกต่างกันตามอายุ ระดับกิจกรรมและวิธีการรักษาที่ได้รับ โดยจะพบอัตราการเกิดไหล่หลุดซ้ำในกลุ่มผู้ป่วยอายุน้อยมากกว่าผู้สูงอายุ
ข้อไหล่หลุด คือ ภาวะที่หัวกระดูกข้อไหล่หลุดออกจากเบ้าไหล่ ซึ่งอาจจะหลุดออกทางด้านหน้า ด้านหลัง หรือหลายทิศทาง ผู้ป่วยที่ข้อไหล่หลุดจะมีอาการที่สามารถสังเกตได้ชัดเจนดังนี้


สาเหตุของอาการข้อไหล่หลุดส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ หกล้มหรือเล่นกีฬา ข้อไหล่ถูกกระแทกอย่างแรง หรือถูกฉุดแขนแรงไป ทำให้หัวกระดูกหลุดออกมานอกเบ้า หรือบางรายเกิดจากพันธุกรรมเอ็นรอบข้อหลวมไป ทำให้ข้อหลุดออกมาได้เช่นกัน มักพบหลุดออกมาอยู่ทางด้านหน้าของร่างกายมากกว่าไปทางหลัง คนไข้จะขยับแขนเคลื่อนไหวไม่ได้ แขนจะอยู่ในท่าที่ผิดปกติ นอนไม่ได้ ปวดมาก
อันตรายจากข้อหลุดจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลยหรือเล็กน้อย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เต็มที่ แม้ในกิจวัตรประจำวัน จะอันตรายอย่างมาก หากเกิดอุบัติเหตุหลุดออกมาขณะว่ายน้ำหรือขับรถอยู่ การทำงานในที่สูงบางครั้งจะทำให้ช่วยเหลือตัวเองลำบากมาก


ภาวะข้อไหล่หลุดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่มีบางกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ ซึ่งควรเพิ่มความระมัดระวังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ โดยสามารถแบ่งกลุ่มเสี่ยงหลัก ๆ ได้ดังนี้
นักกีฬาเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากการเคลื่อนไหวร่างกายที่รุนแรงและต่อเนื่อง โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องมีการปะทะ เช่น ฟุตบอล หรือ รักบี้ ซึ่งอาจเกิดการกระแทกที่หัวไหล่โดยตรง นอกจากนี้ กีฬาที่ต้องยกแขนขึ้นเหนือศีรษะบ่อย ๆ เช่น เทนนิส ว่ายน้ำ แบดมินตัน หรือยิมนาสติก ก็ทำให้ข้อไหล่ต้องทำงานหนักและเสี่ยงต่อการหลุดได้ง่ายเช่นกัน
เมื่อข้อไหล่เคยหลุดแล้ว จะทำให้ความมั่นคงของข้อไหล่ลดลงอย่างมาก บุคคลกลุ่มนี้จึงมีโอกาสที่ไหล่จะหลุดซ้ำได้ง่าย แม้จะทำกิจกรรมที่ไม่รุนแรง เช่น ท่าเอื้อมแขนไปด้านหลัง หรือการจับห่วงโหนบนรถไฟฟ้า
บางคนมีภาวะที่ข้อต่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายมีความยืดหยุ่นสูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนที่ช่วยยึดข้อต่อมีความหย่อนยาน ส่งผลให้ข้อไหล่และข้ออื่น ๆ หลุดออกจากเบ้าได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แม้จะไม่ได้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงก็ตาม
ข้อไหล่หลุดจัดเป็นหนึ่งในภาวะเร่งด่วนที่ต้องได้รับการรักษาทันที ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ควรพึ่งการประคบเย็น โดยใช้น้ำแข็งผสมน้ำห่อผ้ามาประคบครั้งละ 5-10 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง เป็นเวลา 1-2 วัน จะเร่งการสมานตัวของเนื้อเยื่อ และลดปวดได้ ภายหลังจากผู้ป่วยได้ยาระงับปวดแล้วแพทย์จะดึงข้อให้เข้าที่ จากนั้นให้ใส่อุปกรณ์พยุงแขน โดยเฉพาะผู้ที่ข้อหลุดครั้งแรกควรให้ข้อไหล่อยู่นิ่ง ๆ ประมาณ 3 สัปดาห์ จากนั้นให้ทำกายภาพบำบัด และบริหารกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อไหล่ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่


ปัญหาที่พบบ่อยในผู้ที่เคยไหล่หลุดคือ การหลุดซ้ำ เป็นเพราะเส้นเอ็นภายในหัวไหล่มีการฉีกขาด บางรายเพียงถูกกระแทกเบา ๆ ขณะโหนรถเมล์ หรือนอนยกแขนก่ายหน้าผาก ข้อไหล่ก็หลุดแล้ว สำหรับผู้ป่วยที่ข้อไหล่หลุดซ้ำบ่อย ๆ การผ่าตัดสามารถช่วยได้ โดยแพทย์จะทำการซ่อมเส้นเอ็นที่ฉีกขาดให้ยึดติดกับกระดูกอย่างเดิม เพื่อป้องกันการหลุดซ้ำ ซึ่งการผ่าตัดรักษาข้อไหล่หลุดแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
การผ่าตัดแบบเปิดมักถูกพิจารณาใช้กับผู้ป่วยที่มีประวัติข้อไหล่หลุดซ้ำหลายครั้งจนเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง คือ เบ้ากระดูกหัวไหล่สึกหรือแตกหักไปมาก โดยสึกกร่อนเกิน 15-25% ก่อนการผ่าตัด แพทย์จะส่งตรวจ MRI หรือ CT Scan เพื่อประเมินระดับความเสียหายของกระดูกอย่างละเอียด หากพบว่าเบ้ากระดูกสึกกร่อนไปมากซึ่งวิธีที่นิยมกันมากคือการผ่าตัด Latarjet procedure แพทย์จะเลือกใช้วิธีผ่าตัดแบบเปิดเพื่อเสริมสร้างเบ้ากระดูก (Glenoid Reconstruction)
โดยเทคนิคนี้ ศัลยแพทย์จะย้ายชิ้นกระดูกที่เรียกว่า โคราคอยด์ โพรเซส (Coracoid Process) ซึ่งเป็นกระดูกส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้ข้อไหล่ มายึดเสริมไว้ที่ขอบเบ้าที่สึกหรอ เพื่อสร้างฐานกระดูกและป้องกันไม่ให้ข้อไหล่หลุดซ้ำได้
ในปัจจุบันมีการพัฒนาของเครื่องมือเทคนิคการผ่าตัด การผ่าตัดผ่านกล้องส่องข้อได้รับความนิยมมากขึ้นและได้ผลดีมาก เพราะข้อไหล่เป็นข้อที่อยู่ลึก การผ่าตัดแบบเปิดจะต้องแหวกผ่านกล้ามเนื้อหลายชั้น แผลผ่าตัดจะค่อนข้างใหญ่ ส่วนการส่องกล้องจะเป็นการเจาะรู แผลผ่าตัดเล็ก มีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อน้อย ผู้ป่วยจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ภาวะข้อไหล่หลุดนอกจากจะมีพยาธิสภาพในข้อไหล่ เช่น เยื่อหุ้มข้อยืด หมอนรองเบ้าฉีก ยังพบพยาธิสภาพอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เช่น เยื่อหุ้มข้อฉีกจากกระดูกต้นแขน หมอนรองเบ้าฉีกจากด้านบนและด้านหลัง หรือเอ็นรอบข้อไหล่ฉีกบางส่วน ดังนั้น การรักษาภาวะข้อไหล่หลุดโดยใช้กล้องส่องข้อ จึงมีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากการตรวจด้วยกล้องส่องข้อ ทำให้แพทย์สามารถเห็นพยาธิสภาพต่าง ๆ เหล่านี้ได้ชัดเจน รวมทั้งยังสามารถรักษาโดยการเย็บซ่อมผ่านทางกล้องส่องข้อ
ปัจจุบัน การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องข้อได้พัฒนาขึ้นมาก ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นเมื่อเทียบกับอดีตและทำให้มีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อบริเวณผ่าตัดน้อย ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว การเคลื่อนไหวของข้อไหล่กลับมาใกล้เคียงปกติ สามารถกลับไปใช้งานหรือเล่นกีฬาได้ดังเดิม ทั้งนี้ ผลการผ่าตัดจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความชำนาญของแพทย์ ความพร้อมของเครื่องมือ และความร่วมมือของคนไข้ด้วย
ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร 02-734-0000


ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ
ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ - เวชศาสตร์การกีฬาและโรคข้อไหล่