มะเร็งปอด (Lung Cancer)
มะเร็งปอด (Lung Cancer) เป็นมะเร็งที่คนทั่วโลกป่วยและเสียชีวิตมากที่สุดซึ่งจากสถิติองค์การอนามัยโลก ปี 2022 พบว่า แต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 2.5 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 1.8 ล้านคน สำหรับประเทศไทย มะเร็งปอดพบเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 17,222 คน เฉลี่ยวันละ 48 คน เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 40 คน จัดเป็นภัยเงียบที่อันตราย เนื่องจากในระยะแรกมักไม่แสดงอาการที่ชัดเจน แต่จะปรากฏสัญญาณเตือนเมื่อโรคได้ลุกลามไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบมะเร็งปอดตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี ก็มีโอกาสสูงที่จะรักษาให้หายขาดและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ประเภทของมะเร็งปอด
มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามลักษณะของเซลล์
- มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 85-90% ของผู้ป่วยทั้งหมด มีการเจริญเติบโตและแพร่กระจายได้ช้ากว่าอีกชนิดหนึ่ง ทำให้มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัดหากตรวจพบตั้งแต่ในระยะแรก
- มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer) พบได้น้อย ประมาณ 10-15% แต่มีความรุนแรงสูงกว่า เนื่องจากเซลล์มะเร็งจะเติบโตและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว การรักษาหลักจะไม่ใช่การผ่าตัด แต่เน้นการใช้ยาเคมีบำบัดและการฉายรังสี
อาการของมะเร็งปอด
ในระยะเริ่มต้น มะเร็งปอดมักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือลุกลาม อาจพบสัญญาณเตือนที่ควรสังเกต ดังนี้
- ไอเรื้อรังเป็นเวลานาน ไอมีเสมหะปนเลือด
- หายใจลำบาก หอบเหนื่อยง่าย
- เจ็บแน่นหน้าอกเวลาหายใจ
- เสียงแหบ
- อ่อนเพลียผิดปกติ
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีอาการบวมที่บริเวณใบหน้า ลำคอ และแขน
อาการเหล่านี้อาจเกิดจากโรคอื่นที่เกี่ยวกับปอดได้เช่นกัน ดังนั้นผู้ที่มีอาการควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
ระยะของมะเร็งปอด
การประเมินระยะของมะเร็งปอดเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้ โดยจะพิจารณาจากขนาดของก้อนมะเร็ง การแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะอื่น ๆ
ระยะของมะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (SCLC)
เนื่องจากเป็นชนิดที่แพร่กระจายเร็ว จึงแบ่งออกเป็น 2 ระยะ
- ระยะจำกัด (Limited Stage) เซลล์มะเร็งอยู่เพียงข้างเดียวของปอดและอาจลามไปต่อมน้ำเหลืองข้างเดียวกัน
- ระยะลุกลาม (Extensive Stage) เซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังปอดอีกข้าง หรืออวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
ระยะของมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (NSCLC)
แบ่งออกเป็น 4 ระยะ
- ระยะที่ 1 ก้อนมะเร็งอยู่เฉพาะในเนื้อปอด ยังไม่แพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง และจะยังไม่มีการแสดงความผิดปกติออกมา
- ระยะที่ 2 ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่กว่า 4 เซนติเมตร หรือเริ่มลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอดข้างเดียวกัน
- ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปที่ปอดกลีบอื่น ๆ ในข้างเดียวกัน และต่อมน้ำเหลืองบริเวณกลางช่องอก
- ระยะที่ 4 เป็นระยะแพร่กระจาย โดยเซลล์มะเร็งได้กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ตับ กระดูก ต่อมหมวกไตและสมอง
สาเหตุของมะเร็งปอด
มะเร็งปอดเกิดจากการที่เซลล์ภายในปอดเจริญเติบโตผิดปกติอย่างรวดเร็วและไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและพัฒนาเป็นก้อนเนื้อร้าย อาจตรวจพบตั้งแต่ขนาดเล็กได้ แต่ส่วนใหญ่มักพบในระยะลุกลามถึงเกือบประมาณ 50%
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด
แม้จะยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ทั้งหมด แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างมีนัยสำคัญ
- การสูบบุหรี่และควันบุหรี่มือสอง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด โดยผู้ที่สูบบุหรี่จัดมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ 10 เท่า ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่ สูดดมเอาควันบุหรี่จากผู้ที่สูบบุหรี่เข้าไปเป็นประจำจะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไป 2 เท่า
- การสัมผัสสารก่อมะเร็ง การทำงานหรืออาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องสัมผัสสารอันตรายเป็นเวลานาน เช่น แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน สารหนู โครเมียม รวมถึงฝุ่นละออง PM2.5
- ประวัติครอบครัว หากมีญาติสายตรงเคยป่วยเป็นมะเร็งปอด ก็จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
- อายุที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงจะสูงขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป แต่ก็สามารถพบได้ในคนอายุน้อยกว่า 50 ปีเช่นกัน
การวินิจฉัยมะเร็งปอด
- การตรวจคัดกรองในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบ Low-Dose CT Chest screening (LDCT) หรือการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์รังสีต่ำ เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่จัด โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่มากกว่า 20 pack-years และยังเลิกสูบไม่เกิน 15 ปี
- การตรวจพิเศษโดยแพทย์ ในกรณีที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งปอด อาจจะพิจารณาส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น
-
- เอกซเรย์ปอด (Chest X-Ray) เพื่อดูความผิดปกติในปอด
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่วยให้มองเห็นก้อนเนื้อหรือความผิดปกติบริเวณปอดได้อย่างแม่นยำกว่าการทำเอกซเรย์ปอดแบบธรรมดา
- การตรวจด้วยเครื่องเพท/ซีทีสแกน (PET/CT Scan) ใช้ดูการกระจายของโรคมะเร็งในร่างกาย
- การส่องกล้องหลอดลม (Bronchoscopy) และเก็บชิ้นเนื้อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา (Biopsy)
- การส่องกล้องช่องอก (Mediastinoscopy) และนำตัวอย่างเนื้อเยื่อ หรือต่อมน้ำเหลืองออกมาตรวจ
การรักษามะเร็งปอด
การรักษามะเร็งปอดขึ้นอยู่กับชนิด ระยะของโรค สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และความต้องการส่วนบุคคล
1. การผ่าตัด (Surgery)
เป็นการรักษาหลักสำหรับมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็กในระยะเริ่มต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อนำก้อนมะเร็งและต่อมน้ำเหลืองที่เกี่ยวข้องออกให้หมด ซึ่งเป็นวิธีที่มีโอกาสทำให้โรคหายขาดได้
2. รังสีรักษา (Radiation Therapy)
รังสีรักษา (Radiation Therapy) คือการใช้รังสีพลังงานสูงฉายไปยังตำแหน่งของก้อนมะเร็งเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะจุด อาจใช้เป็นการรักษาเพื่อลดอาการหรือควบคุมโรคสำหรับผู้ป่วยระยะลุกลาม หรือใช้ร่วมกับเคมีบำบัดในช่วงก่อนหรือหลังผ่าตัด
3. การให้ยาต้านมะเร็งที่ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (Systemic Treatment)
- ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นยาที่สามารถกำจัดและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่มีอยู่ทั่วร่างกาย แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หรือผมร่วงได้ โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาเคมีบำบัดเพื่อรักษามะเร็ง เสริมหลังจากการผ่าตัดกรณีก้อนมีขนาดใหญ่เกิน 4 เซนติเมตรระยะลุกลามเฉพาะที่ ร่วมกับการฉายแสง หรือใช้รักษาประคับประคองโรคระยะแพร่กระจาย
- ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) เป็นยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง โดยส่งผลต่อเซลล์ปกติน้อย ทำให้ผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัด ก่อนการรักษาผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจยีนของเซลล์มะเร็งก่อน หากพบยีนเป้าหมาย เช่น EGFR, ALK จึงจะสามารถใช้ยาในกลุ่มนี้ได้
- ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ยาจะไม่ได้เข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง แต่จะเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้กำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจใช้เป็นยาเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัด โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม
การป้องกันมะเร็งปอด
- งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อมะเร็ง หากทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง ควรมีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่จัด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วย Low-Dose CT Scan เป็นประจำทุกปี
.
