

การขับถ่ายถือเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรสำคัญ เพื่อที่ร่างกายจะได้กำจัดของเสียออก ซึ่งการสังเกตอุจจาระของตัวเองไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะลักษณะและสีของอุจจาระนั้น สามารถบ่งบอกปัญหาสุขภาพได้มากกว่าที่เราคิด ถ้าหากมีความผิดปกติ เช่น อุจจาระสีดำ คล้ำ แข็ง หรือถ่ายเป็นเลือด นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายที่แฝงอยู่ในร่างกาย แล้วภาวะถ่ายเป็นเลือดเป็นสัญญาณของโรคใดได้บ้าง มาหาคำตอบทั้งหมดได้ในบทความนี้
ถ่ายเป็นเลือดคืออะไร
อาการถ่ายเป็นเลือด คือภาวะที่มีเลือดปนมากับอุจจาระขณะขับถ่าย ซึ่งเลือดที่ออกมาอาจมีลักษณะแตกต่างกันไป เช่น เป็นเลือดสีแดงสดหยดออกมาหลังถ่ายอุจจาระ หรือเลือดปะปนอยู่กับก้อนอุจจาระ สีของเลือดมีทั้งสีแดงสด สีแดงคล้ำ สีน้ำตาล ไปจนถึงสีดำ ซึ่งลักษณะของเลือดและอาการบ่งบอกถึงถึงสาเหตุและโรคที่แตกต่างกัน
ถ่ายเป็นเลือดบ่งชี้โรคอะไรบ้าง
โรคที่สามารถระบุได้จากการมีเลือดปนในอุจจาระมีดังนี้
ริดสีดวงทวารหนัก
ผู้ที่มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคริดสีดวงทวารหนักมากกว่าผู้ที่ขับถ่ายได้ตามปกติ ซึ่งโรคริดสีดวงทวารเกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือด อาจมีภาวะถ่ายเป็นเลือดสดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก โดยที่เลือดกับอุจจาระไม่ปนกันและอาจมีติ่งริดสีดวงปลิ้นออกมาจากรูทวาร โดยริดสีดวงทวารมักจะมีอาการปวดแสบระคายเคืองบริเวณรูทวารหนัก ดังนั้นหากพบว่าตัวเองถ่ายเป็นเลือด ไม่ควรนิ่งนอนใจและควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
เลือดออกในลำไส้ใหญ่
การถ่ายเป็นเลือดสดหรือมีลิ่มเลือดไหลออกมาพร้อมกับอุจจาระ แต่ไม่มีอาการปวดแสบทวารหนักหรือคลำได้ก้อนบริเวณทวารหนัก อาการลักษณะนี้เป็นอาการบ่งชี้ว่าอาจมีเลือดออกในลำไส้ใหญ่ หากมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยและหยุดไหลได้เอง สามารถรอดูอาการและมารับการตรวจภายหลังได้ แต่หากมีเลือดไหลออกมากควรรีบมารับการตรวจและรักษาโดยเร็วที่สุด
เลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็ก
อาการของภาวะนี้อาจเริ่มจากอาเจียนออกมาเป็นเลือดก่อน หรืออาจไม่มีอาการอาเจียนเลยก็ได้ จากนั้นอาจตามด้วยการถ่ายเป็นเลือด โดยสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าเลือดจะเป็นสีเข้มจนเกือบดำ กลิ่นเหม็นมากผิดปกติ และหากถ่ายเป็นเลือดสดจำนวนมากก็ควรรีบมาพบแพทย์โดยด่วน
โรคลำไส้ขาดเลือด
โรคนี้เกิดจากการที่เลือดไม่สามารถเข้าไปไหลเวียนในลำไส้ได้จนทำให้เซลล์ลำไส้เริ่มไม่ทำงานและตายลงในที่สุด และเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ลำไส้ก็จะเริ่มเน่าจนมีแบคทีเรีย โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยมักมีอาการปวดเกร็งท้องและอาจปวดมากจนหมดสติ หรืออาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ หากระหว่างปวดท้องมีอาการถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย แสดงว่าอาการเริ่มรุนแรงและมีความเสี่ยงถึงขั้นวิกฤต หากพบว่าตัวเองถ่ายเป็นเลือดไม่ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจโดยละเอียด เพราะถ้าลำไส้บางส่วนเริ่มเน่าแล้ว จะต้องผ่าตัดนำลำไส้ส่วนที่เสียออกไป แล้วต่อลำไส้ที่ยังทำงานได้ตามปกติเข้าด้วยกัน ยิ่งได้รับการผ่าตัดเร็ว ลำไส้ส่วนขาดเลือดจนต้องผ่าตัดออกก็จะยิ่งน้อย
มะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่จะทำให้เกิดแผลที่เยื่อบุผนังด้านในของลำไส้ใหญ่ ถ้าหากเป็นมะเร็งที่อยู่ใกล้ทวารหนักก็อาจมีอาการปวดเบ่งถ่ายไม่สุดหรือท้องผูกสลับท้องเสียได้ จึงทำให้มีความเสี่ยงในการถ่ายเป็นเลือดสดได้ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มักเกิดกับผู้ใหญ่อายุเกิน 40-50 ปี แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นกับคนวัยรุ่นวัยทำงานได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติครอบครัวเคยเป็นโรคนี้มาก่อน


พารากราฟข้างต้นจะแบ่งเนื้อหาบางส่วนไปอยู่ในหัวข้อ วิธีดูแลตัวเองและเมื่อถ่ายเป็นเลือด และบางส่วนไปอยู่ท้ายบทความค่ะ
ถ่ายเป็นเลือด เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
การถ่ายเป็นเลือดสามารถเป็นอาการของโรคได้หลายโรค ซึ่งบางครั้งอาการมีความคล้ายคลึงกัน ดังนั้น หากมีอาการเหล่านี้ ควรมาพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยแยกโรคให้ชัดเจนและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- ถ่ายมีมูกเลือดปน โดยเฉพาะมูกเลือดสีคล้ำ
- ลักษณะการขับถ่ายเปลี่ยนไป เช่น ท้องผูกสลับกับท้องเสีย
- ขนาดของอุจจาระเล็กลงผิดปกติ
- มีอาการอื่น ๆ ทางร่างกายร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย มีภาวะซีด หรือน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีอาการปวดหน่วงในทวารหนักตลอดเวลา หรือรู้สึกถ่ายไม่สุด
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
วิธีดูแลตัวเองและเมื่อถ่ายเป็นเลือด
นอกจากถ่ายเป็นเลือด หรือ อุจจาระมีมูกเลือดปนจะเป็นสัญญาณอันตรายบ่งชี้ถึงโรคต่าง ๆ ได้แล้ว สีของอุจจาระที่แดงเข้ม เกือบดำ หรืออุจจาระสีดำก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้ เช่น การทานอาหารที่มีเลือดสัตว์เป็นส่วนประกอบ หรือการอยู่ในระหว่างการทานยาบำรุงเลือด ดังนั้น หากมีอาการถ่ายเป็นเลือด หรือสีคล้ายเลือดเพียงเล็กน้อย และไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ สิ่งที่ควรทำเพื่อช่วยให้อาการดังกล่าวดีขึ้น ได้แก่
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักใบเขียว ถั่ว แอปเปิล ข้าวกล้อง เพื่อให้อุจจาระไม่แข็ง และขับถ่ายง่าย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 1.5 – 2 ลิตร และดื่มน้ำ 1 แก้วทันทีหลังตื่นนอน เพื่อกระตุ้นระบบลำไส้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคืองลำไส้ เช่น อาหารที่ไขมันสูง ของทอด และอาหารรสจัด
- ไม่กลั้นอุจจาระ ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา และหลีกเลี่ยงการเบ่ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการถ่ายเป็นเลือด
ถ่ายเป็นเลือดสีแดงสด กับสีคล้ำต่างกันอย่างไร
สีของเลือดที่ปนมากับอุจจาระเป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่ช่วยให้แพทย์สันนิษฐานตำแหน่งของรอยโรคได้เบื้องต้น โดยทั่วไปแล้ว เลือดสีแดงสด หมายถึงเลือดที่ยังใหม่ มักมาจากลำไส้ส่วนปลาย ไม่ไกลจากทวารหนัก อาจจะเป็นริดสีดวงทวาร ติ่งเนื้อ หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนเลือดสีแดงคล้ำ หรืออุจจาระสีดำสนิทคล้ายยางมะตอย บ่งชี้ว่า เลือดอาจจะออกมาจากอวัยวะที่อยู่สูงขึ้นไป เช่น กระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น
ถ่ายเป็นเลือด แต่ไม่เจ็บเกิดจากอะไร
อาการถ่ายเป็นเลือดโดยไม่มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วยเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เลือดออกในลำไส้ใหญ่ เป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยจะถ่ายเป็นเลือดสดออกมา แต่ไม่มีอาการปวดแสบทวารหนัก อย่างไรก็ตาม การไม่มีอาการเจ็บไม่ได้หมายความว่าไม่อันตรายเสมอไป ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด
ถ่ายเป็นเลือดเกิดจากยาได้ไหม
ยาบางชนิดสามารถเป็นสาเหตุ หรือเพิ่มความเสี่ยงของการถ่ายเป็นเลือดได้ ไม่ว่าจะเป็นยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพราะยาเหล่านี้อาจระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหารจนเกิดเป็นแผลและมีเลือดออกได้ นอกจากนี้ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ก็เป็นอีกกลุ่มที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอุจจาระปนเลือดได้ ดังนั้น หากรับประทานยาใด ๆ อยู่และมีอาการถ่ายเป็นเลือด ควรปรึกษาแพทย์ผู้สั่งยา ไม่ควรหยุดยาเอง
การถ่ายเป็นเลือดเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม โดยทั่วไปแล้ว การรักษาอาการถ่ายเป็นเลือดนั้นต้องพิจารณาจากสาเหตุของการเกิดโรคเป็นหลัก แต่หากไม่แน่ใจว่าอาการถ่ายเป็นเลือดที่เป็นอยู่เกิดจากสาเหตุใด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาอย่างถูกต้อง
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000 ต่อ 4500, 4501
- Readers Rating
- Rated 3.5 stars
3.5 / 5 (Reviewers) - Very Good
- Your Rating