บทความสุขภาพ

ข้อไหล่หลุด

Share:

ข้อไหล่ เป็นข้อที่มีโอกาสหลุดสูงที่สุดในร่างกาย คิดเป็นร้อยละ 45-50 ของอุบัติการณ์ข้อหลุดทั้งหมดในร่างกาย ข้อไหล่หลุดประเภทหลุดเคลื่อนมาทางด้านหน้า (anterior shoulder dislocations) พบได้บ่อยถึงร้อยละ 90 ของข้อไหล่หลุดทั้งหมด โดยสาเหตุหลักคือ อุบัติเหตุ ซึ่งอาจสูงได้ถึงร้อยละ 96 กลไกการเกิดคือ การตกจากที่สูงหรือหัวไหล่อยู่ในท่ากางไหล่และหมุนไหล่ออกอย่างรุนแรง (abducted externally rotated shoulder) อัตราการเกิดข้อไหล่หลุดซ้ำอยู่ที่ร้อยละ 17-1001-4 และพบว่าสูงมากขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยอายุน้อย

อาการของข้อไหล่หลุด

ข้อไหล่หลุด คือ ภาวะที่หัวกระดูกข้อไหล่หลุดออกจากเบ้าไหล่ ซึ่งอาจจะหลุดออกทางด้านหน้า ด้านหลัง หรือหลายทิศทาง ผู้ป่วยที่ข้อไหล่หลุดจะมีอาการปวดมาก หัวไหล่ผิดรูป ขยับแขนไม่ได้ ในบางรายอาจมีอาการชาแขนจากการบาดเจ็บของเส้นประสาท

สาเหตุของอาการข้อไหล่หลุดส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุ หกล้มหรือเล่นกีฬา ข้อไหล่ถูกกระแทกอย่างแรง หรือถูกฉุดแขนแรงไป ทำให้หัวกระดูกหลุดออกมานอกเบ้า หรือบางรายเกิดจากพันธุกรรมเอ็นรอบข้อหลวมไป ทำให้ข้อหลุดออกมาได้เช่นกัน มักพบหลุดออกมาอยู่ทางด้านหน้าของร่างกายมากกว่าไปทางหลัง คนไข้จะขยับแขนเคลื่อนไหวไม่ได้ แขนจะอยู่ในท่าที่ผิดปกติ นอนไม่ได้ ปวดมาก

อันตรายจากข้อหลุดจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลยหรือเล็กน้อย ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เต็มที่ แม้ในกิจวัตรประจำวัน จะอันตรายอย่างมาก หากเกิดอุบัติเหตุหลุดออกมาขณะว่ายน้ำหรือขับรถอยู่ การทำงานในที่สูงบางครั้งจะทำให้ช่วยเหลือตัวเองลำบากมาก

กลุ่มคนไข้ที่มีโอกาสไหล่หลุด

กลุ่มคนไข้ที่มีโอกาสไหล่หลุดคือ คนที่เล่นกีฬาปะทะ ได้แก่ ฟุตบอล รักบี้ หรือนักกีฬาที่ต้องยกแขนเหนือศีรษะ เล่นกีฬา เช่น นักเทนนิส นักว่ายน้ำ นักยิมนาสติก

การรักษาข้อไหล่หลุด

ข้อไหล่หลุดจัดเป็นหนึ่งในภาวะเร่งด่วนที่ต้องได้รับการรักษาทันที ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ควรพึ่งการประคบเย็น โดยใช้น้ำแข็งผสมน้ำห่อผ้ามาประคบครั้งละ 5-10นาที ทุก1-2 ชั่วโมง เป็นเวลา1-2 วัน จะเร่งการสมานตัวของเนื้อเยื่อ และลดปวดได้ ภายหลังจากผู้ป่วยได้ยาระงับปวดแล้วแพทย์จะดึงข้อให้เข้าที่ จากนั้นให้ใส่อุปกรณ์พยุงแขน โดยเฉพาะผู้ที่ข้อหลุดครั้งแรกควรให้ข้อไหล่อยู่นิ่งๆ ประมาณ 3 สัปดาห์ จากนั้นให้ทำกายภาพบำบัด และบริหารกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อไหล่ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่

ปัญหาที่พบบ่อยคือ การหลุดซ้ำ เป็นเพราะเส้นเอ็นภายในหัวไหล่มีการฉีกขาด บางรายเพียงถูกกระแทกเบาๆ ขณะโหนรถเมล์ หรือนอนยกแขนก่ายหน้าผาก ข้อไหล่ก็หลุดแล้ว สำหรับผู้ป่วยที่ข้อไหล่หลุดซ้ำบ่อยๆ การผ่าตัดสามารถช่วยได้ โดยแพทย์จะทำการซ่อมเส้นเอ็นที่ฉีกขาดให้ยึดติดกับกระดูกอย่างเดิม เพื่อป้องกันการหลุดซ้ำ

การผ่าตัดรักษาข้อไหล่หลุดทำได้หลายวิธี ในปัจจุบันมีการพัฒนาของเครื่องมือเทคนิคการผ่าตัด การผ่าตัดผ่านกล้องส่องข้อได้รับความนิยมมากขึ้นและได้ผลดีมาก เพราะข้อไหล่เป็นข้อที่อยู่ลึก การผ่าตัดโดยวิธีเปิดจะต้องแหวกผ่านกล้ามเนื้อหลายชั้น แผลผ่าตัดจะค่อนข้างใหญ่ ส่วนการส่องกล้องจะเป็นการเจาะรู แผลผ่าตัดเล็ก มีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อน้อย ผู้ป่วยจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ภาวะข้อไหล่หลุดนอกจากจะมีพยาธิสภาพในข้อไหล่ เช่น เยื่อหุ้มข้อยืด หมอนรองเบ้าฉีก ยังพบพยาธิสภาพอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น เยื่อหุ้มข้อฉีกจากกระดูกต้นแขน หมอนรองเบ้าฉีกจากด้านบนและด้านหลัง หรือเอ็นรอบข้อไหล่ฉีกบางส่วน ดังนั้น การรักษาภาวะข้อไหล่หลุดโดยใช้กล้องส่องข้อ จึงมีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากการตรวจด้วยกล้องส่องข้อ ทำให้แพทย์สามารถเห็นพยาธิสภาพต่างๆ เหล่านี้ได้ชัดเจน รวมทั้งยังสามารถรักษาโดยการเย็บซ่อมผ่านทางกล้องส่องข้อ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาโดยวิธีผ่าตัดแบบเปิด อาจจะไม่เห็นพยาธิสภาพดังกล่าว หรือเห็นแต่ไม่สามารถเย็บซ่อมหรือแก้ไขได้ดี เนื่องจากการผ่าตัดแบบเปิด แพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดเข้าไปในข้อไหล่ได้ในทิศทางเดียว คือ ด้านหน้าหรือด้านหลัง ฉะนั้น พยาธิสภาพที่เกิดร่วมกัน หากอยู่ด้านตรงข้ามก็จะแก้ไขได้ยาก นอกจากนี้ การใช้กล้องส่องข้อยังมีประโยชน์ในคนไข้ที่ข้อไหล่หลวมและมีอาการปวดร่วมด้วย ไหล่เลื่อนแต่ไม่ถึงกับหลุด เมื่อทำการรักษาโดยกายภาพบำบัดระยะหนึ่งแล้วอาการไม่ดีขึ้น สามารถรักษาโดยใช้กล้องส่องข้อเข้าไปเย็บซ่อมเยื่อหุ้มข้อที่ยืด รวมถึงแก้ไขพยาธิสภาพอื่นๆ ที่อาจเกิดร่วมด้วยได้

ปัจจุบัน การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องข้อได้พัฒนาขึ้นมาก ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นจนใกล้เคียงกับการผ่าตัดแบบเปิด และทำให้มีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อบริเวณผ่าตัดน้อย ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว การเคลื่อนไหวของข้อไหล่กลับมาใกล้เคียงปกติ สามารถกลับไปใช้งานหรือเล่นกีฬาได้ดังเดิม โดยมีผลข้างเคียงน้อย จึงมีแนวโน้มว่า ผู้ป่วยข้อไหล่หลุดหรือหลวม จะได้รับการรักษาโดยวิธีการใหม่นี้มากขึ้นกว่าในอดีต การปล่อยให้ข้อไหล่ที่มีพยาธิสภาพไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดความเสียหายต่อหัวกระดูกไหล่ เบ้ากระดูก และเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงมากขึ้น คนไข้ดังกล่าวจึงควรได้รับการผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องข้อ ทั้งนี้ ผลการผ่าตัดจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความชำนาญของแพทย์ ความพร้อมของเครื่องมือ และความร่วมมือของคนไข้ด้วย

  • Readers Rating
  • Rated 4.4 stars
    4.4 / 5 (12 )
  • Your Rating