ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม วูบเฉียบพลัน ระวัง ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ รุนแรง
หากมีอาการใจสั่น หายใจไม่อิ่ม วูบเฉียบพลัน ระวังภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้
ใครกำลังรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก มีอาการแน่นหน้าอก หรือใจสั่น ไม่ควรประมาท เพราะ อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือหัวใจขาดเลือด
โรคหลอดเลือดหัวใจตีบมักพบในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง ไตวาย โรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน หรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รวมถึงผู้สูงอายุที่หลอดเลือดแดงเสื่อมสภาพตามวัย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ได้แก่
● มีความเครียดสะสม
● ไม่ออกกำลังกายและน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน
● รับประทานผักและผลไม้น้อยเกินไป
● มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
นายแพทย์เทิดพงศ์ ยิ่งวิลาศประเสริฐ อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลเวชธานี ระบุว่าอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
ดังนั้น หากมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ใจสั่น ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาทันที
การตรวจวินิจฉัยโรคเลือดหัวใจตีบสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการซักประวัติหาความเสี่ยงของโรค การตรวจสุขภาพประจำปี แต่สำหรับผู้ป่วยที่ไปพบแพทย์ด้วยอาการแน่นหน้าอกเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือหน้ามืด แพทย์จะใช้การอัลตราซาวนด์หัวใจ (Echocardiogram : ECHO) คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG)เอกซเรย์หัวใจ (Chest X-ray) และการเดินสายพาน (EST-Exercise Stress Test) และการตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยวิธีการทำ CT Scan (CTA Coronary Artery) เพื่อหาอาการผิดปกติประกอบการวินิจฉัยโรคร่วมด้วย
สำหรับแนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
“ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน อาจรุนแรงถึงขั้นหมดสติหรือหัวใจหยุดเต้น และเสี่ยงเสียชีวิตหากได้รับการช่วยเหลือช้า ดังนั้นเราควรสังเกตตัวเองหรือคนในครอบครัวว่ามีอาการเข้าข่ายโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือไม่ หากมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก หายใจไม่สะดวก และใจสั่น ควรรีบพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้ สามารถลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันหรือแคลอรีสูง อาหารเค็มหรือหวานจัด รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น งดสูบบุหรี่ ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญคือหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายและหัวใจ” นายแพทย์เทิดพงศ์กล่าว
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 5300, 5301


อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด
อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือดทั่วไป