มะเร็งตับอาจเริ่มจากแค่อาการคัน
อาการคัน ตัวเหลือง เหนื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณมะเร็งตับ ตรวจพบเร็วเพิ่มโอกาสรักษาได้ แนะนำวิธีตรวจคัดกรองและอาการเตือนสำคัญ
มะเร็งไทรอยด์ (Thyroid Cancer) เป็นโรคที่หลายคนอาจไม่รู้ตัว เพราะในระยะแรกมักไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจน แต่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการตรวจคัดกรองและการวินิจฉัยในปัจจุบัน ทำให้สามารถตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ช่วยเพิ่มโอกาสรักษาหายและกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ
มะเร็งไทรอยด์ คือ ภาวะที่เซลล์ต่อมไทรอยด์เกิดการเปลี่ยนแปลงและแบ่งตัวผิดปกติอย่างควบคุมไม่ได้ จนกลายเป็นเนื้อร้าย ต่อมไทรอยด์มีบทบาทสำคัญในการควบคุมระบบเผาผลาญ พลังงาน อุณหภูมิ และฮอร์โมนในร่างกาย เมื่อเกิดความผิดปกติจึงส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
แม้อาการแรกเริ่มมักไม่รุนแรง แต่ควรระวังหากมีสิ่งเหล่านี้
หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
การตรวจคัดกรองก้อนในต่อมไทรอยด์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบัน คือ การอัลตราซาวนด์ความละเอียดสูง (High-Resolution Thyroid Ultrasound) เพราะต่อมไทรอยด์เป็นอวัยวะที่อยู่ตื้น การใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสามารถแสดงภาพก้อนได้อย่างชัดเจน ทั้ง ขนาด รูปร่าง โครงสร้างภายใน (echogenicity) รวมถึงความสัมพันธ์กับอวัยวะรอบข้างอย่างละเอียด ทำให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงของโรคได้แม่นยำตั้งแต่เริ่มต้น
นอกจากนี้ อัลตราซาวนด์ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการ กำหนดตำแหน่งสำหรับเจาะชิ้นเนื้อ (Ultrasound-Guided FNA) เพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา เพิ่มความมั่นใจในการวินิจฉัยว่าก้อนดังกล่าวเป็น “เนื้องอกธรรมดา” หรือมีความเสี่ยงเป็น มะเร็งไทรอยด์
เพื่อให้ผลลัพธ์เชิงวินิจฉัยแม่นยำขึ้น แพทย์มักใช้การประเมิน หลายคุณลักษณะภาพร่วมกัน เช่น
คุณสมบัติเหล่านี้ร่วมกันสามารถช่วยจำแนกได้ว่า ก้อนมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อย ปานกลาง หรือสูง ซึ่งส่งผลต่อการเลือกแผนการตรวจและการรักษาต่อไป
ในกรณีที่ต้องประเมินการลุกลามของโรคมะเร็ง เช่น ไปยังต่อมน้ำเหลือง หรือโครงสร้างลึกบริเวณคอ แพทย์อาจใช้การตรวจ CT Scan หรือ MRI ร่วมด้วย เพื่อให้เห็นการแพร่กระจายอย่างครอบคลุมและแม่นยำที่สุด
การรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยเฉพาะหากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก แนวทางหลักของการรักษามักประกอบด้วย การผ่าตัดร่วมกับการให้รังสีไอโอดีน และในบางรายอาจมีการใช้รังสีรักษาหรือยาเพิ่มเติมตามการประเมินรายบุคคล
การผ่าตัดเป็นวิธีหลักในการกำจัดเซลล์มะเร็งจากต่อมไทรอยด์ โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับระยะและลักษณะของโรค เช่น
ปัจจุบันแพทย์มีเทคนิคที่ช่วยลดผลข้างเคียง เช่น การผ่าตัดโดยเลี่ยงต่อมพาราไทรอยด์ไว้เพื่อป้องกันภาวะแคลเซียมต่ำ ระวังเส้นประสาทเลี้ยงสายเสียง เพื่อลดความเสี่ยงเสียงแหบ
การผ่าตัดโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง พักรักษาเป็นผู้ป่วยในเฉลี่ย 3–5 วัน และสามารถกลับบ้านได้หลังไม่มีภาวะแทรกซ้อน ต่อมไทรอยด์ที่นำออกจะถูกตรวจด้วยพยาธิแพทย์ เพื่อประเมินการกระจายของเซลล์มะเร็งอย่างละเอียด
หากผลตรวจพยาธิวิทยาชี้ว่ามีการกระจายของมะเร็ง หรือมีโอกาสกลับมา แพทย์มักแนะนำให้รักษาด้วย รังสีไอโอดีน I-131 ประมาณ 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด
วิธีนี้จะให้ผู้ป่วย “กลืนไอโอดีนรังสี” เซลล์มะเร็งไทรอยด์ที่ยังหลงเหลืออยู่จะดูดซึมไอโอดีนและถูกทำลายเฉพาะจุด ทำให้ลดโอกาสการกลับมาได้ดีมาก ซึ่งต้องรักษาในห้องแยกผู้ป่วยรับรังสีประมาณ 2–4 วัน เพื่อความปลอดภัยต่อคนรอบข้าง จนกระทั่งระดับรังสีลดลงอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
ในบางกรณีที่โรคไม่ตอบสนองต่อวิธีหลัก อาจมีการใช้
ซึ่งแพทย์จะวางแผนเป็นรายบุคคลตามชนิดของมะเร็งและการตอบสนองของร่างกาย
มะเร็งไทรอยด์ไม่ใช่โรคไกลตัว หากตรวจพบเร็ว โอกาสรักษาหายและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติสูงมาก การตรวจคัดกรองง่าย รวดเร็ว ไม่เจ็บ และปลอดภัย
ส่วนใหญ่เป็นชนิดที่ตอบสนองต่อการรักษาดีมาก หากตรวจพบเร็ว มีโอกาสหายสูง และกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ
ก้อนที่คอ ไม่ใช่ทุกก้อนจะเป็นมะเร็ง แต่หากโตเร็ว กดเจ็บ หรือมีอาการร่วม เช่น เสียงแหบ กลืนลำบาก ควรตรวจอัลตราซาวนด์ทันที
ศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร 02-734-0000 ต่อ 2720