ไวรัสตับอักเสบ ปล่อยไว้นาน อาจลุกลามจนเกิด มะเร็งตับ
ไวรัสตับอักเสบทำลายเซลล์ตับ เสี่ยงตับแข็งและมะเร็งตับ แม้ไม่มีอาการ ตรวจเช็กก่อนสายเกินไป

การได้รับประทานอาหารรสชาติอร่อย ถือว่าเป็นความสุขของหลาย ๆ คน แต่หากมีอาการกลืนลำบากหลังรับประทาน ก็คงเกิดความทุกข์ทรมานไม่น้อย ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหลอดอาหารตีบ หากได้รับการรักษาอย่างตรงจุด ก็จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้
นายแพทย์สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า อาการกลืนลำบากหรือกลืนติด แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มโรคใหญ่ ๆ ได้แก่
อาการแสดงของภาวะหลอดอาหารตีบ คือ กลืนลำบาก กลืนติด โดยจะเริ่มจากกลืนลำบากเมื่อรับประทานของแข็ง ต่อมาจะเริ่มกลืนลำบากเมื่อรับประทานของเหลวด้วยเช่นกัน ร้ายแรงที่สุดคือไม่สามารถกลืนอาหารหรือน้ำได้เลย โดยจะอาเจียนทุกครั้งที่รับประทานอาหาร ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
การวินิจฉัยภาวะหลอดอาหารตีบ ไม่สามารถยืนยันได้จากการซักประวัติอาการเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องตรวจอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตรวจส่องกล้องดูหลอดอาหาร, ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์, และตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อหลอดอาหาร หรือ Manometry ซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญในการวินิจฉัย โดยจะแสดงผลเป็นกราฟให้เห็นว่าหลอดอาหารบีบตัวมากน้อยเพียงไร และหูรูดมีการทำงานปกติหรือไม่
“ ถึงแม้ว่าภาวะหลอดตีบที่เกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างไม่คลายตัว จะไม่ใช่ภาวะที่รุนแรง แต่สุดท้ายผู้ป่วยจะมีอาการหนักขึ้นจนกระทบกับคุณภาพชีวิตและความสุขในการรับประทาน จึงควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ” นายแพทย์สุขประเสริฐกล่าว
การรักษาภาวะหลอดอาหารตีบที่เกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างไม่คลายตัว แบ่งเป็น 4 วิธี ได้แก่
การรักษากล้ามเนื้อหูรูดแบบส่องกล้องและผ่าตัดส่องกล้อง เพื่อกรีดกล้ามเนื้อที่หดรัดตัวให้ขยายออก จะให้ผลการรักษาที่ถาวรเหมือนกัน โอกาสกลับมาเป็นซ้ำน้อยกว่า 10% เหมือนกัน ต่างกันที่การรักษาแบบส่องกล้อง จะไม่มีแผลที่ร่างกาย การพักฟื้นสั้นกว่า ส่วนการรักษาแบบผ่าตัดส่องกล้องจะมีแผลผ่าตัดเป็นรูเล็ก ๆ ระยะเวลาการพักฟื้นจึงมากกว่า
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 2960
อายุรศาสตร์
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร