หากมีอาการหูอื้อ หูมีเสียงหวีด และการได้ยินลดน้อยลง อย่านิ่งนอนใจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับหูหรือระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโรคทางสมองได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุการเกิดอาการหูอื้อมาจากหลายสาเหตุและมีความอันตรายแตกต่างกัน
อาการหูอื้อเป็นอย่างไร ?
หูอื้อ คืออาการได้ยินเสียงลดน้อยลง เหมือนมีบางสิ่งมาอุดกั้นอยู่ที่บริเวณหู หรือรู้สึกว่าหูมีเสียงอื้ออึง เสียงก้อง เสียงหวีดขึ้นอยู่ภายใน สามารถเกิดได้ทั้งชั่วคราวและต่อเนื่อง เป็นได้ทั้งข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ ซึ่งส่งผลกระทบและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังเป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ อีกด้วย
หูอื้อเกิดจากอะไร ?
อาการหูอื้อเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ที่สามารถพบได้บ่อย มีดังต่อไปนี้
อยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดังมาก เช่น คอนเสิร์ต หรือมีแรงดันอากาศผิดปกติ เช่น การขึ้นเครื่องบิน การดำน้ำ
หูอื้อจากการอุดกั้นของขี้หูหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เช่น น้ำคั่งค้างอยู่ในหู คอตตอนบัด แมลง
หูชั้นกลางอักเสบจากการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อภาวะหลังไข้หวัด ส่งผลให้ท่อที่ต่อไปยังหูชั้นกลางเกิดการอุดกั้น เมื่อกลืนน้ำลาย จึงทำให้หูอื้อได้
ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ จนส่งผลกระทบต่ออวัยวะหูชั้นในทำให้สูญเสียการได้ยิน
ผลกระทบจากอาการทางสมอง เช่น เนื้องอกสมอง เส้นเลือดในสมองตีบ และเลือดออกในสมอง
ผลกระทบจากความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดแข็งตัว และเส้นเลือดแดงโป่ง
ผลกระทบจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาต้านอักเสบ ยาวัณโรค ยามาลาเรีย ยาอิริโทรมัยซิน และยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคไซนัสอักเสบ
ประสาทหูเสื่อมตามอายุ
สาเหตุอื่น ๆ เช่น มีเนื้องอกเกิดขึ้นในหู หรือประสาทหู กระดูกในหูมีการงอกผิดปกติ หูตึงแต่กำเนิด
การวินิจฉัยอาการหูอื้อ
สำหรับการวินิจฉัยอาการหูอื้อ สามารถทำได้ด้วยกระบวนการดังต่อไปนี้
ซักประวัติ เพื่อสอบถามอาการเบื้องต้น
ตรวจร่างกายทางหู คอ จมูก
การตรวจการได้ยิน (Audiogram and Tympanogram) เป็นการตรวจเพื่อประเมินสภาวะการได้ยิน รวมถึงตรวจการทำงานของหูชั้นกลางและหูชั้นใน
การตรวจคัดกรองการได้ยิน OAE (Otoacoustic Emission) เป็นการตรวจวัดเสียงสะท้อนจากหูชั้นใน ใช้สำหรับทารกแรกเกิด
การตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง ABR (Auditory Brainstem Response) โดยการติดสื่อนำสัญญาณ (Electrode) เพื่อวัดคลื่นไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในระบบประสาทหูชั้นในส่วนลึก
การตรวจการทำงานของการทดสอบระบบการทรงตัวในหูชั้นในเพื่อตรวจหาโรคหรือความผิดปกติของหูชั้นใน เช่น การตรวจ VHIT, EcoehG, VEMP หรือVNG เพื่อการแยกภาวะโรคสมอง หรือยืนยันความผิดปกติของระบบการทรงตัวในหูชั้นใน
วิธีป้องกันอาการหูอื้อ
หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดังจนเกินไป
ไม่ควรใส่หูฟังเวลานอนหลับ หรือใส่หูฟังที่เปิดเสียงดังมากเกินไป
อย่าปั่นหรือแคะหู
วิธีบำบัดและรักษาอาการหูอื้อ
หากมีอาการหูอื้อควรรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และรักษาตามอาการอย่างเหมาะสม โดยแนวทางในการรักษามีดังต่อไปนี้
การรับประทานยาเพื่อรักษาตามอาการโรคที่ตรวจพบ
การผ่าตัด เช่น การผ่าตัดปะเยื่อแก้วหู (Myringoplasty) การผ่าตัดโพรงกระดูกมาสตอยด์ (Mastoidectomy) การผ่าตัดหูชั้นกลาง (Explore Middle) การผ่าตัดผังประสาทหูเทียม การใส่เครื่องช่วยฟัง
หากพบว่าตนเองมีอาการหูอื้อ หรือหูมีเสียงอื้ออึง เสียงหวีด อย่าปล่อยไว้ให้เป็นนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ชำนาญการด้าน โสต ศอ นาศิก (หู คอ จมูก) เพื่อหาทางรักษาอย่างรวดเร็ว ที่ศูนย์หูคอจมูก โรงพยาบาลเวชธานี พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษา ด้วยเครื่องมือตรวจรักษาที่ทันสมัย โดยแพทย์ชำนาญการด้าน โสต ศอ นาศิก (หู คอ จมูก)เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์หูคอจมูก ชั้น 1 โรงพยาบาลเวชธานี โทร. 02-734-0000 ต่อ 3400
Medically Reviewed by
พญ. พัชร์พีรญา สังขโบสถ์
โสต ศอ นาสิกวิทยา
โสต ศอ นาสิกวิทยา - ระบบประสาทหู
Readers’ Rating
0.0 out of 5 stars (based on 0 reviews)