ผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยการจัดแนวข้อเข่าตามธรรมชาติ
เมื่อข้อเข่าเสื่อมกลายเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต การผ่าตัดข้อเข่าเทียมจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนพิจารณา

การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนพื้นผิวข้อเข่าที่สึกหรอด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น โลหะ พลาสติก หรือเซรามิก โดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดจะประสบความสำเร็จและช่วยลดอาการปวด ทั้งยังปรับปรุงการทำงานของข้อเข่า อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ ก็อาจพบกับความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกัน
การติดตามอาการหลังผ่าตัดข้อเข่าเทียมเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะไม่มีอาการเจ็บปวดก็ตาม แต่ผู้ป่วยควรเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อที่ข้อเข่าเทียม หรือตรวจพบความผิดปกติของข้อเข่าเทียมได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ดังนั้น การตรวจติดตามอาการตามคำแนะนำของแพทย์จึงจำเป็นต่อการดูแลข้อเข่าในระยะยาว
ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมแล้ว ควรระมัดระวังในประเด็น ดังนี้
การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม เป็นวิธีการรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมที่มีประสิทธิภาพ ช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มการเคลื่อนไหวของข้อเข่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอาการที่ผู้ป่วยควรทราบหากเกิดขึ้นหลังผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบโดยเร็ว มีดังนี้
การผ่าตัดแก้ไขการติดเชื้อหลังเปลี่ยนข้อเข่าเทียม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ และสภาพของข้อเข่าเทียม
หากสงสัยว่า อาจจะมีอาการติดเชื้อจากภาพถ่ายเอกซเรย์, ผลการตรวจเลือด, ผลการตรวจน้ำในข้อเข่าทางห้องปฏิบัติการ แต่ข้อเข่าเทียมยังไม่หลวมหรือมีการเปลี่ยนตำแหน่งของข้อเข่าเทียม กรณีนี้แพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดผิวข้อเข่า และล้างทำความสะอาดข้อเข่า จากนั้นจึงให้ยาปฏิชีวนะต่อประมาณ 2-4 สัปดาห์
หากพบว่า มีการติดเชื้อ โดยมีผลตรวจเลือดและผลตรวจน้ำข้อเข่าว่ามีลักษณะการติดเชื้อร่วมกับมีการหลวมหรือเปลี่ยนตำแหน่งของข้อเข่าเทียมจากภาพเอกซเรย์ แพทย์จะต้องทำการผ่าตัดล้างอาการติดเชื้อ เช่น หนอง และ เนื้อเยื่อที่มีการอักเสบออก จากนั้นนำเอาข้อเข่าเทียมที่ใส่ครั้งแรกออกทั้งหมด และใส่ตัวชั่วคราว (Antibiotic Cement Spacer) ซึ่งมีทั้งแบบเคลื่อนไหวข้อเข่าได้ และแบบที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อเข่าได้ หลังจากนั้นให้ยาปฏิชีวนะต่อประมาณ 4-6 สัปดาห์ และแพทย์จะตรวจดูว่า ผลเลือดที่เราติดตามการติดเชื้อมีค่าลดลงสู่ภาวะปกติหรือยัง จึงจะทำการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อใส่ข้อเข่าเทียมใหม่เข้าไป
อย่างไรก็ตาม ต้องรักษาการติดเชื้อให้หายสนิทก่อนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดปัญหาจากการติดเชื้อของข้อเข่าเทียม ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง ดังนั้น เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวที่ดี ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และเข้ารับการตรวจติดตามอาการตามที่นัดหมายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของผู้ป่วยในระยะยาว
สำหรับระยะการพักฟื้นหลังการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมในกรณีที่ไม่มีการติดเชื้อ ผู้ป่วยสามารถลุกยืนและเดินได้ภายใน 12 ชั่วโมง และใช้งานข้อเข่าใกล้เคียงธรรมชาติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย
การดูแลหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นตัวที่ดี โดยทั่วไปแพทย์จะกำหนดตารางเวลาเพื่อติดตามอาการดังนี้
สุดท้ายนี้ ผู้ป่วยที่จะต้องรับการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม มีข้อควรพิจารณาเพื่อใช้ประกอบในการผ่าตัดคือผู้ป่วยควรเตรียมร่างกายให้พร้อม มีโรคประจำตัวอย่างไรต้องรักษา เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เช่น ถ้ามีโรคเบาหวานก็ต้องรักษาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พิจารณาเลือกใช้ข้อเข่าเทียมที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ชำนาญการด้านการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมที่มีประสบการณ์
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเข่าเสื่อม สามารถปรึกษาได้ที่ ศูนย์ฟื้นฟูข้อเสื่อม ชั้น 1 อาคาร King of Bones โรงพยาบาลเวชธานี เรามีทีมแพทย์ชำนาญการ พร้อมให้การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02-734-0000 ต่อ 2222, 2224
ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ
ศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ - การผ่าตัดข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม