ผ่าตัดเปลี่ยนไต ความหวังของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายที่รอปลูกถ่ายไตกว่า 6,000 คน โดยเฉลี่ยหนึ่งคนจะรอประมาณ4-5ปี ซึ่งโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายคือ ไตทำงานน้อยกว่า 15% จะมีอาการ ปัสสาวะผิดปกติ มีฟองมากขึ้น
ค้นหาวิดีโอและข่าวสุขภาพที่คุณวางใจได้ เลือกตามโรคหรือหัวข้อที่สนใจ
จากรายงานประจำปี 2567 ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย พบว่า ในปี 2567 มีผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรอการปลูกถ่ายไต 6,947 คน หรือ 1,976 วัน เท่ากับ 5 ปี 5 เดือน (นับจากวันแรกที่ได้รับการบำบัดทดแทนไต) ซึ่งโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายคือ ภาวะที่ไตทำงานน้อยกว่า 15% จะมีอาการปัสสาวะออกน้อยลง บวมตามตัว โดยเฉพาะขาทั้งสองข้าง ความดันโลหิตสูง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หน้าซีด ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน
โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล มีอายุรแพทย์โรคไตและทีมศัลยแพทย์ปลูกถ่ายไตที่พร้อมให้การรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วยทุกราย วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม หากต้องฟอกไตก็จะแนะนำการฟอกไตอย่างมีมาตรฐาน ส่วนผู้ป่วยที่เหมาะสมกับการปลูกถ่ายไต ก็จะมีการแนะนำขั้นตอน เตรียมความพร้อมการผ่าตัดด้วยทีมสหวิชาชีพ หลังผ่าตัดก็จะได้รับการดูแลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ และการติดตามผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไตระยะยาวโดยแพทย์ชำนาญการเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด
วิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ดีที่สุดคือ การปลูกถ่ายไต เพราะสามารถทำให้ไตกลับมาทำงานได้ปกติใกล้เคียงกับไตเดิม ส่งผลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและไม่ต้องกลับมาฟอกไตอีกตลอดชีวิต
การผ่าตัดปลูกถ่ายไต คือการผ่าตัดนำไตที่แข็งแรงและเข้ากันได้จากผู้บริจาค มาปลูกถ่ายไว้ในร่างกายของผู้ป่วย เพื่อทำหน้าที่ทดแทนไตเดิมที่เสื่อมสภาพไปแล้วทั้งหมด การผ่าตัดจะวางไตใหม่ไว้ในบริเวณอุ้งเชิงกรานของผู้ป่วย แล้วจึงต่อหลอดเลือดและท่อไตเข้ากับร่างกายของผู้ป่วย
หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงกับคนปกติ ไม่จำเป็นต้องฟอกไตอีกต่อไป เมื่อร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สุขภาพกายและสุขภาพจิตก็พลอยดีขึ้นตามไปด้วย ความเจ็บปวด ความเหนื่อยล้า และข้อจำกัดในการใช้ชีวิตลดน้อยลง ทำให้สามารถกลับมาทำงาน ทำกิจกรรมที่รัก และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้อย่างเต็มที่
ผู้ป่วยที่จะเข้ารับการปลูกถ่ายไตได้นั้น ต้องผ่านการประเมินจากทีมแพทย์อย่างละเอียด โดยมีเกณฑ์เบื้องต้นดังนี้
ไตที่ใช้ในการปลูกถ่ายมาจากผู้บริจาค 2 แหล่ง ได้แก่
ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้การผ่าตัดเปลี่ยนไตมีอัตราความสำเร็จที่สูงมาก คือเกินร้อยละ 95 ในปีแรก ถ้าได้รับการติดตามโดยแพทย์และกินยากดภูมิอย่างสม่ำเสมอสามารถทำงานได้ดีต่อไปอีกหลายปีโดยไม่มีระยะเวลาจำกัด
กระบวนการปลูกถ่ายไตมีการวางแผนอย่างละเอียด ตั้งแต่การเตรียมตัวไปจนถึงการผ่าตัด
ไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขที่แน่ชัดได้ว่าไตที่ปลูกถ่ายจะอยู่ได้นานกี่ปี เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งชนิดของไตที่ได้รับ ความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อ สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และที่สำคัญที่สุดคือการดูแลตัวเองและการรับประทานยากดภูมิคุ้มกันอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม จากรายงานข้อมูลการปลูกถ่ายอวัยวะปี 2566 โดยสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย พบว่า
หลังการปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องฟอกไตอีกต่อไป แต่ยังคงต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอและใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างเข้มงวด เนื่องจากจำเป็นต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการต่อต้านอวัยวะใหม่ ซึ่งยานี้อาจทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
ด้วยเหตุนี้ หลังการผ่าตัดเปลี่ยนไต ผู้ป่วยจึงต้องดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนที่แออัด เสี่ยงต่อโรค หรืออยู่ในที่ที่สิ่งแวดล้อมไม่สะอาด ควรล้างมือบ่อย ๆ รับประทานอาหารที่สุก สะอาด และมีประโยชน์ งดอาหารที่มีไขมันสูงและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ไม่แนะนำให้คลุกคลีกับสัตว์ แต่หากว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้รักษาความสะอาดภายในบ้านอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
การผ่าตัดเปลี่ยนไต เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และมีความซับซ้อนสูง ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ รวมถึงมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย หากผู้ป่วยต้องการเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่ศูนย์ปลูกถ่ายไต โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
ศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000
ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายที่รอปลูกถ่ายไตกว่า 6,000 คน โดยเฉลี่ยหนึ่งคนจะรอประมาณ4-5ปี ซึ่งโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายคือ ไตทำงานน้อยกว่า 15% จะมีอาการ ปัสสาวะผิดปกติ มีฟองมากขึ้น