มะเร็งตับอาจเริ่มจากแค่อาการคัน
อาการคัน ตัวเหลือง เหนื่อยง่าย อาจเป็นสัญญาณมะเร็งตับ ตรวจพบเร็วเพิ่มโอกาสรักษาได้ แนะนำวิธีตรวจคัดกรองและอาการเตือนสำคัญ

พฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการรับประทานอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด มีไขมันอิ่มตัวสูง กากใยน้อย การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ผู้คนส่วนมากมักเพิกเฉยไม่ระมัดระวังในการใช้ชีวิตเพราะคิดว่ามะเร็งเป็นเรื่องไกลตัว
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นมะเร็งที่พบมาก 1 ใน 3 ของโรคมะเร็งที่คนไทยเป็นมากที่สุด โดยอัตราการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ของทั้งเพศชายและหญิงอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกัน แต่เดิมพบมากในกลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ในช่วงอายุที่น้อยลง คือตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป โดยเริ่มต้นจากการเป็นติ่งเนื้อขนาดเล็กในลำไส้ใหญ่ และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 – 5 ปี กว่าติ่งเนื้อจะกลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ มะเร็งลำไส้ใหญ่ยังเปรียบเหมือนภัยเงียบที่คุกคามร่างกาย เนื่องจากระยะแรกของโรคมักไม่แสดงอาการ แต่จะมีอาการก็ต่อเมื่อลุกลามรุนแรงแล้ว
ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีโอกาสหายขาดจากการรักษาโรคมะเร็ง หากสามารถผ่าตัดก้อนมะเร็งออกได้ ไม่ว่าจะเป็นก้อนที่ลำไส้ ต่อมน้ำเหลือง หรือก้อนที่กระจายไปที่ตับ นอกจากนี้ ยังสามารถให้เคมีบำบัดร่วมกับยามุ่งเป้าเพื่อให้ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กลง จนสามารถผ่าตัดก้อนทั้งหมดออกได้
ปัจจุบันการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ดีที่สุดคือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ Colonoscopy ซึ่งนอกจากส่องกล้องเพื่อวินิจฉัยแล้ว ยังสามารถตัดติ่งเนื้อที่มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งในอนาคตออกไปได้อีกด้วย
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี แนะนำให้ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ แต่ถ้ามีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ในช่วงอายุที่น้อยกว่า 45 ปี ควรส่องกล้องตรวจลำไส้เร็วกว่าอายุของผู้ที่เป็นมะเร็ง 5 ปี เช่น มีญาติสายตรงในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ตอนอายุ 39 ปี ควรส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ครั้งแรกเมื่ออายุ 34 ปี เป็นต้น
ศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลเวชธานี โทร 02-734-0000 ต่อ 2720