อย่าปล่อยผ่าน! “ตาขี้เกียจในเด็ก” ภัยเงียบที่อาจทำให้มองไม่ชัดไปตลอดชีวิต
ภาวะตาขี้เกียจในเด็ก (Amblyopia หรือ Lazy eye) หากไม่ตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดไปตลอดชีวิต อ่านวิธีสังเกต สาเหตุ และแนวทางรักษาได้ที่นี่

ในชีวิตประจำวัน เราพึ่งพาการมองเห็นแทบตลอดเวลา แต่มีโรคหนึ่งที่สามารถพรากการมองเห็นไปอย่างถาวรโดยไม่รู้ตัว นั่นคือ “ต้อหิน” (Glaucoma) หนึ่งในสาเหตุสำคัญของการตาบอดถาวรทั่วโลก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก และจะเริ่มสังเกตได้ก็ต่อเมื่อการมองเห็นรอบข้างแคบลงหรือสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว
ต้อหินเป็นโรคที่เกิดจากความเสียหายของเส้นประสาทตา ซึ่งส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์กับความดันในลูกตาที่สูงเกินไป หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้
อาการของต้อหิน มักไม่ปรากฏชัดเจนในระยะแรก และจะเกิดอาการแตกต่างกันไปตามชนิดของโรคต้อหิน ดังนี้
พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการอุดตันของช่องระบายน้ำหล่อเลี้ยงภายในตา แม้มุมระบายจะเปิดอยู่ ทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้นอย่างช้า ๆ โดยไม่แสดงอาการใด ๆ จนกว่าการมองเห็นรอบข้างจะเริ่มแคบลง ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่การตาบอดถาวรได้
เกิดจากมุมระบายน้ำในลูกตาถูกปิด ทำให้น้ำในตาไม่สามารถระบายออกได้ หากเป็นชนิดเฉียบพลัน ความดันตาจะพุ่งสูงทันที ส่งผลให้เกิดอาการปวดตา ตาแดง ตามัว เห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟ คลื่นไส้ และอาเจียน ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
แม้ความดันตาจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เส้นประสาทตากลับถูกทำลาย โดยมักเกี่ยวข้องปัจจัยอื่น ๆ นอกเหนือจากเรื่องของความดันตา เช่น การไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี หรือภาวะหลอดเลือดผิดปกติ ผู้ป่วยอาจไม่รู้ตัวจนกระทั่งเกิดการสูญเสียการมองเห็น
เกิดจากโรคหรือปัจจัยอื่น เช่น การอักเสบในตา อุบัติเหตุทางตา ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน หรือการใช้ยาสเตียรอยด์ ส่งผลให้ความดันตาสูงขึ้นและทำลายเส้นประสาทตา
พบในทารกหรือเด็กเล็ก เกิดจากความผิดปกติของระบบระบายน้ำในลูกตาตั้งแต่กำเนิด เด็กจะมีอาการลูกตาใหญ่ น้ำตาไหลมาก กลัวแสง และกระจกตาขุ่น จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว
การสูญเสียสายตาจากต้อหินจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากการมองเห็นด้านข้างที่จะค่อย ๆ แคบเข้า ในขณะที่การมองภาพตรงกลางยังคงชัดเจนอยู่ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงไม่รู้ตัวในระยะแรก เนื่องจากยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ และลานสายตาจะแคบลงเรื่อย ๆ จากขอบนอกเข้าสู่ส่วนกลาง จนกระทั่งมาถึงบริเวณตรงกลางจึงจะสังเกตเห็นว่าภาพมองไม่ชัด ซึ่งมักเป็นระยะท้ายของโรคแล้ว หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่การตาบอดอย่างถาวร
การวินิจฉัยต้อหินเริ่มจากการวัดความดันภายในลูกตา ตรวจขั้วประสาทตาและโครงสร้างตาด้วยเครื่องมือเฉพาะ หากสงสัยว่าเป็นโรคต้อหิน อาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น
โรคต้อหินไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษาจึงเป็นการประคองไม่ให้เส้นประสาทตาเสียหายมากขึ้น เพื่อคงการมองเห็นให้นานที่สุด โดยมีแนวทางการรักษา ดังนี้
ใช้ยาหยอดตาเพื่อลดการสร้างน้ำในลูกตา หรือช่วยให้ระบายน้ำได้ดีขึ้น เพื่อลดความดันตา หลังจากนั้นแพทย์จะติดตามอาการต่อเนื่อง หากรักษาวิธีนี้แล้วไม่ดีขึ้น แพทย์อาจพิจารณาให้รักษาด้วยการใช้เลเซอร์ร่วมด้วย
เพื่อลดความดันภายในลูกตา โดยช่วยให้ของเหลวภายในตาไหลเวียน หรือระบายออกได้ดีขึ้น ซึ่งชนิดของเลเซอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับชนิดของต้อหินที่ผู้ป่วยเป็น โดยแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
หากการใช้ยาและเลเซอร์ไม่สามารถควบคุมความดันในตาได้ แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดเพื่อลดความดันภายในลูกตา ป้องกันไม่ให้เส้นประสาทตาถูกทำลายเพิ่มเติม โดยมีวิธีผ่าตัดดังนี้
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน ควรตรวจสุขภาพตาปีละ 1 ครั้ง โรคต้อหินแม้ไม่มีสัญญาณเตือน แต่หากพบเร็ว สามารถรักษาและชะลอการสูญเสียการมองเห็นได้
ศูนย์ตา โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล
โทร. 02-734-0000