ป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วยวัคซีนพ่นจมูก ทางเลือกที่ไม่เจ็บตัว
ป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วยวัคซีนพ่นจมูก (LAIV) เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ 2–49 ปี ไม่ต้องกลัวเข็ม กระตุ้นภูมิคุ้มกันตรงจุด ลดการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคได้จริง
เมื่อลูกๆเข้าสู่วัยเตาะแตะ 1-3 ปี พัฒนาการต่างๆทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจก็เริ่มพัฒนามากขึ้น เช่น เดินได้เอง พูดได้มากขึ้น เป็นตัวของตัวเอง และเริ่มต้องการทดสอบอำนาจที่มีเหนือพ่อแม่ จึงไม่อยากให้พ่อแม่ทำให้ทั้งหมด แต่ด้วยความสามารถของเด็กวัยนี้ยังต้องพึ่งพ่อแม่อยู่ บางครั้งลูกเลยเกิดความขัดแย้งในใจ เวลาที่พ่อแม่บอกให้ทำอะไร ก็จะเกิดการต่อต้านขึ้น อยากจะเลือกเอง ทำให้พ่อแม่ไม่สามารถควบคุมลูกได้เหมือนเดิม คำที่ติดปากลูกส่วนใหญ่ก็คือ “ไม่ ไม่ ไม่” คำนี้แหละค่ะ ที่ทำให้พ่อแม่ต้องหงุดหงิด อารมณ์เสีย จนกลายเป็นความไม่เข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย
วิธีที่ดีสำหรับการรับมือ คือ พ่อแม่ต้องยอมรับและเข้าใจก่อนว่านี่เป็นกระบวนการพัฒนาที่เกิดกับเด็กทุกคน ไม่ใช่ว่าเขาแกล้งไม่เชื่อฟัง จริงๆแล้วการที่เด็กเริ่มเป็นตัวของตัวเองแสดงว่าเขากำลังเรียนรู้ที่จะพึ่งคนอื่นน้อยลง ดังนั้นการยอมรับแบบนี้เพื่อที่ว่า แทนที่พ่อแม่จะไปอารมณ์เสียกับลูกหรือไปควบคุมลูกทุกอย่าง ซึ่งอาจจะยิ่งทำให้เขาร้องไห้ โวยวาย กลายเป็นเด็กอารมณ์ร้าย เปลี่ยนมาเป็นการทำตัวเป็นแบบอย่าง ให้เขาค่อยๆ เรียนรู้การควบคุมตนเองและ รู้จักจัดการอารมณ์ของตนเอง
การลดพฤติกรรมต่อต้าน คือ การที่พ่อแม่ช่วยให้ลูกมีวินัยและควบคุมตนเองได้มากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอ หนักแน่น และจริงจังอย่างพอดี โดยการบอกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ลูกทำอะไร เมื่อไร ขั้นแรก ส่งคำเตือนไปก่อน เช่น อีก 15 นาทีลูกต้องหยุดเล่นและไปอาบน้ำ เพราะในขณะที่ลูกกำลังเล่นหรือทำอะไรสนุกๆ การที่พ่อแม่ไปให้เขาทำอย่างอื่นเลยโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว ลูกก็ต้องไม่พอใจ โวยวายปฏิเสธแน่นอน ขั้นที่ 2 เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดเล่นจริงๆ ก็บอกลูกว่า ได้เวลาไปอาบน้ำแล้ว ขั้นตอนนี้ลูกอาจจะยังโวยวาย พ่อแม่ต้องอดทนค่ะ ย้ำกับลุกด้วยท่าทีสงบ และไม่ต้องบ่น ขั้นที่ 3 ถ้าลุกยังไม่ยอมไป ให้พ่อแม่เอาจริงโดยเข้าหาลูก พาลูกไปอาบน้ำแต่ไม่ต้องรุนแรง คือ อย่าไปลากหรือดึง อาจใช้วิธีโน้มน้าว เช่น พี่ๆก็อาบน้ำกันทั้งนั้น เพราะเด็กบางคนชอบเลียนแบบพี่ๆ หรือ อาจจะโน้มน้าวผ่านการเล่นเกมสนุกๆ เช่น ชวนเป็ดน้อยไปอาบน้ำกันเถอะ ดูสิใครจะไปได้ก่อนกัน อย่างไรก็ตาม พื้นฐาน คือ พ่อแม่ต้องมีการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลูกด้วย มองเห็นและชมพฤติกรรมที่ดีด้วย การลดพฤติกรรมต่อต้านก็จะง่ายขึ้นมากค่ะ
ในยุคนี้ หมอแนะนำว่าให้พ่อแม่หลีกเลี่ยงการลงโทษด้วยการตี ค่ะ เพราะในความรู้สึกของเด็ก การตี คือ การที่พ่อแม่สื่อให้เขารู้ว่า “ความรุนแรงเป็นวิธีการจัดการสิ่งต่างๆ” เขาอาจจะหยุดพฤติกรรมทันทีก็จริง แต่หยุดเพราะไม่อยากถูกตี ไม่ใช่การควบคุมตนเองจริงๆ และส่วนใหญ่เมื่อถึงจุดที่พ่อแม่ต้องตี ก็มักตีด้วยอารมณ์ ทำให้ลูกมีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กก้าวร้าว อารมณ์ร้าย และโตขึ้นเขาก็จะระบายอารมณ์ด้วยการทำร้ายผู้อื่นเช่นกัน
ศูนย์กุมารเวชกรรม โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 0-27340000 ต่อ 3310, 3312, 3319