เจ็บปวดทุกครั้งที่ก้าวเดิน เป็นหนึ่งในอาการของโรคกระดูกข้อเท้าเสื่อม หากไม่รักษาอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เสียการทรงตัวและล้มง่าย

ปัญหาความผิดปกติและอาการปวดของเท้าและข้อเท้าสามารถแบ่งกว้าง ๆ ออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ซึ่งก็คือ ปัจจัยภายนอก และ ปัจจัยภายใน

การรักษาโรคกระดูกข้อเท้าเสื่อม ในระยะแรกของการรักษา แพทย์จะให้เริ่มทำกายภาพบำบัด ใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้าและตัดรองเท้าที่รองรับกับสรีระเท้า รวมถึงออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อยืดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น และใช้ยาแก้ปวดและยาบำรุงผิวข้อ ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดลงได้

อาการเริ่มต้นของโรคกระดูกข้อเท้าเสื่อม ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวด บวม หรืออาจมีอาการข้อเท้าติดร่วมด้วย ในรายที่ข้อเท้าเสื่อมรุนแรงจะมีอาการปวดทุกครั้งที่ลงน้ำหนักหรือก้าวเดิน ทำให้การเดินไม่มั่นคง มีโอกาสล้มง่ายและเสี่ยงกระดูกหัก

ปวดหลังเรื้อรัง หรือปวดหลังร้าวลงขาอาจไม่ได้เกิดจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กล้ามเนื้ออักเสบ หรือ กระดูกเสื่อม เสมอไป แต่อาจเกิดจากเนื้องอกกระดูกได้เช่นกัน โดยจะมีอาการ ดังนี้

โดยปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็นซ้ำ คือ ความดุร้ายของเนื้องอก ซึ่งโอกาสกระจายลุกลามสู่อวัยวะอื่นสามารถเกิดขึ้นได้ แต่น้อยมาก

เอ็นไขว้หน้าบาดเจ็บ ทั้งจากอุบัติเหตุและการเล่นกีฬารักษาได้ด้วยการผ่าตัดแบบ One-Day Surgery ผ่าเช้า – เย็นกลับบ้านได้ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าเป็นเส้นเอ็นสำคัญที่ช่วยให้ข้อเข่ามีความมั่นคงขณะใช้งาน

เลือกรองเท้าสำหรับคนอุ้งเท้าแบน บริเวณโค้งของเท้าน้อย หรือไม่มีเลย แบ่งเป็น 1. เท้าแบนแบบยืดหยุ่น มีลักษณะแบนเมื่อเหยียบพื้นเท่านั้น แต่หากว่านั่งอยู่จะยังเห็นอุ้งเท้าอยู่นิดๆ ควรเลือกรองเท้าที่มีบริเวณตรงกลางนูน เพื่อช่วยพยุงอุ้งเท้า

พฤติกรรมการใช้งานไหล่ซ้ำ ๆ โดยเฉพาะในท่าทางที่ต้องยกแขนสูงต่อเนื่อง เช่น ทาสีผนัง เช็ดกระจก ตากผ้า ตัดกิ่งไม้ รวมทั้งการแบกหามหรือยกของหนัก ตลอดจนในกลุ่มนักกีฬาที่ต้องยกแขนสูงซ้ำ ๆ อย่างการเล่นบาสเกตบอล แบดมินตัน รวมถึงว่ายน้ำ และอุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อข้อไหล่