Search results for: cancer

รู้ทันความเสี่ยง ช่วยเลี่ยงโรคมะเร็งลำไส้

[…] -50 ปี เมื่อมีการตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หรือสามารถป้องกันมะเร็งได้ถ้าตรวจเจอตั้งแต่เป็นติ่งเนื้อก่อนที่จะเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ระยะของโรค ตำแหน่งและขนาดของก้อนมะเร็ง อายุ สภาพร่างกายและโรคร่วมของผู้ป่วย โดยมี 4 วิธีหลักที่ใช้ในการรักษา ได้แก่ การผ่าตัด เป็นการตัดเอาลำไส้ส่วนที่เป็นรอยโรค และต่อมน้ำเหลืองออก หรือในบางกรณีหากรอยโรคอยู่ที่ลำไส้ส่วนปลายที่ติดกับทวารหนัก อาจมีความจำเป็นต้องผ่าตัดทำทวารเทียม การฉายรังสี เป็นการรักษาร่วมกับการผ่าตัด โดยฉายรังสีก่อนหรือหลังผ่าตัดก็ได้ ขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้และการพิจารณาของแพทย์ ใช้ใน มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลายและทวารหนัก ยาเคมีบำบัด อาจให้ก่อนหรือหลังผ่าตัด ร่วมกับการฉายรังสีหรือไม่ก็ได้ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ไม่จำเป็นต้องให้ในผู้ป่วยระยะแรกเริ่ม ยามุ่งเป้า (targeted therapy) ให้ร่วมกับยาเคมีบำบัด ชนิดของยาขึ้นอยู่กับการตรวจยีนจากชิ้นเนื้อ เพื่อวิเคราะห์การตอบสนองของยา (precision medicine) ทั้งนี้ การป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ดีที่สุด สามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่มาจากสภาพแวดล้อม ส่วนผู้ที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เพื่อตรวจหาติ่งเนื้อหรือเนื้องอกที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ที่อาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งในอนาคตได้ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Life Cancer Center  โทร 02-734-0000 ต่อ 2720

มะเร็งไต ยิ่งรักษาเร็ว โอกาสหายขาดยิ่งสูง

[…] น้ำหนักตัวเกินค่ามาตรฐาน , หรือมีการทำงานที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีเป็นประจำ ซึ่งผู้ป่วยมะเร็งไตในระยะเริ่มแรกมักจะไม่มีอาการ จนกระทั่งก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้น จึงจะสามารถสังเกตอาการผิดปกติได้ เช่น ปัสสาวะมีเลือดปน, ปวดบริเวณบั้นเอว ในการรักษามะเร็งไต จะขึ้นอยู่กับระยะของโรค โดยแบ่งการรักษาได้ดังนี้ มะเร็งไตที่ยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด โดยขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อนมะเร็ง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดได้ในกรณีที่ยังไม่มีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งออกไปนอกไต มะเร็งไตที่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการฉายแสงเพื่อเป็นการบรรเทาอาการจากโรค ร่วมกับการผ่าตัด และการรักษาอื่น ๆ เช่น การให้ยาเคมีบำบัด, การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งมีหลักการคือกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น, และการรักษาด้วยยามุ่งเป้า ซึ่งมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง และกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ไปยับยั้งกลไกภายในเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของมะเร็ง ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันโรคมะเร็งไต แต่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ก็สามารถลดโอกาสเกิดโรคได้ และหากมีอาการที่ผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ เนื่องจากมีการศึกษาพบว่า หากเป็นมะเร็งไตระยะ 1 แล้วได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะมีอัตราการอยู่รอดที่ 5 ปี มากถึง 95 % ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Life Cancer Center โทร 02-734-0000 ต่อ 2720

มะเร็งระยะแพร่กระจายในช่องท้อง รักษาได้ด้วย CRS ร่วมกับ HIPEC ประสิทธิภาพสูง เพิ่มอัตราการรอดชีวิต

[…] อนุพงศ์อนันต์ ศัลยแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า CRS คือการผ่าตัดช่องท้องเพื่อนำเนื้องอกระยะแพร่กระจายออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเห็นด้วยตาเปล่า หรืออาจเหลือเนื้องอกขนาดเล็กไม่เกินจุดละ 2.5 มิลลิเมตร เนื่องจากเป็นขนาดที่ยาเคมีบำบัดอุณหภูมิสูงจะช่วยทำลายเนื้องอกที่เหลือได้ โดยการผ่าตัดแบบ CRS ส่วนใหญ่ จะต้องตัดอวัยวะที่มีเนื้องอกเกาะอยู่ รวมทั้งการเลาะเยื่อบุผนังช่องท้องที่คลุมอวัยวะภายในออกมาด้วย ซึ่งเป็นการผ่าตัดอาจใช้เวลานานอย่างน้อย 6 ชม. และต้องให้ยาเคมีบำบัดไหลเวียนผ่านช่องท้อง HIPEC หลังทำผ่าตัดเสร็จทันที ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 60-90 นาที โรคมะเร็งระยะที่แพร่กระจายในช่องท้องที่สามารถรักษาด้วยวิธี CRS + HIPEC ได้แก่ มะเร็งของไส้ติ่ง, มะเร็งรังไข่, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งกระเพาะอาหาร, Psuedomyxoma peritonei, และ Peritoneal mesothelioma อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธี CRS + HIPEC ยังมีข้อบ่งชี้ในการคัดเลือกผู้ป่วย เพราะฉะนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำความเข้าใจถึงวิธีการรักษา และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวผู้ป่วยมากที่สุด ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Life Cancer Center โทร 02-734-0000 ต่อ 2720

เป็น ”นิ่วในถุงน้ำดี” แต่ไม่รีบรักษา มีความเสี่ยงเป็น “มะเร็ง” มากกว่าคนทั่วไป

[…] cm ขึ้นไปจะเสี่ยงมากขึ้น ผู้ที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี โดยเฉพาะนิ่วขนาดใหญ่กว่า 2.5 cm จะเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งถุงน้ำดีมากกว่า หินปูนเกาะในผนังถุงน้ำดี (porcelain gallbladder) ผู้ที่มีภาวะ choledochal cyst หรือ primary sclerosing cholangitis โรคมะเร็งถุงน้ำดีสามารถตรวจคัดกรองได้ด้วยวิธีการทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบน (Ultrasound upper abdomen) โดยเฉพาะถ้าติ่งเนื้อมีขนาดเกิน 1 เซนติเมตรขึ้นไป แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดถุงน้ำดีออก หรือ หากผลตรวจไม่ชัดเจนว่าเป็นติ่งเนื้อหรือนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์จะแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมด้วยการทำ CT Scan หรือ MRI ซึ่งเป็นการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งถุงน้ำดีที่ดีที่สุด หลังการผ่าตัดถุงน้ำดีแล้ว แพทย์จะนำชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติมทางพยาธิวิทยา หากพบว่าเป็นระยะแรก การรักษาอาจจะต้องทำการผ่าตัดตับและเลาะต่อมน้ำเหลืองออกเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่หากพบว่าเป็นระยะ 3-4 จะใช้วิธีรักษามะเร็งอื่น ๆ ด้วย เช่น การฉายรังสี ยาเคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้า เป็นต้น ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Life Cancer Center โทร 02-734-0000 ต่อ 2720

มะเร็งปอด หายได้! หากตรวจพบเร็ว

มะเร็งปอด หายได้! หากตรวจพบเร็ว“มาตรวจสุขภาพประจำปี แล้วปรากฎว่าตอน x-ray พบจุดดำที่ปอด คุณหมอก็บอกว่าอาจจะเป็นมะเร็งปอด เราก็ตกใจมาก กลัวว่าจะเป็นเยอะไหม กลัวจะต้องให้คีโม พอดีคุณหมอธเนศ เดชศักดิพล เขาให้กำลังใจเราและพูดดีมาก ๆ เราก็เลยตัดสินใจที่จะผ่าตัดเลย หลังจากการผ่าตัด ผลออกมาว่าเป็นมะเร็งปอดระยะเริ่มต้น ก็ไม่ต้องกินยา ไม่ต้องให้คีโม คุณหมอก็ได้แจ้งว่าตอนนี้ไม่มีเชื้อ ไม่กระจายไปที่อื่นด้วย ไม่รู้สึกเจ็บหลังผ่าตัดเลยค่ะ ประทับใจทุกส่วนในการให้บริการมาก ๆ” ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Cancer Center ชั้น 3 โรงพยาบาลเวชธานี โทร. 02-734-0000 ต่อ 4500, 4501

มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจพบไว รักษาได้ทัน

[…] แต่อัตราการเสียชีวิตในหลายปีที่ผ่านมาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีวิธีการตรวจคัดกรองโรคด้วย “การส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนัก” โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เกิดจากติ่งเนื้อหรือ Polyp ในลำไส้ใหญ่ โดยระยะแรกผู้ป่วยจะไม่มีอาการแสดงใด ๆ แต่เมื่อติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่และกลายเป็นมะเร็งแล้วจึงจะเริ่มมีอาการเกิดขึ้น เช่น การขับถ่ายมีเลือดหรือมูกเลือดปน ถ่ายอุจจาระก้อนเล็กลง ท้องผูกสลับท้องเสีย แน่นท้อง ท้องโต หรือคลำเจอก้อนในท้อง ดังนั้น หากกลุ่มเสี่ยงได้รับการตรวจคัดกรองด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนักเป็นประจำ เมื่อมีการตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจทางทวารหนักโดยการส่องกล้องทุกๆ 3-5 ปี มีความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายอุจจาระ เช่น ท้องผูก หรือท้องเสียเป็นประจำ หรือท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน อาจจะเป็นสีแดงสดหรือสีคล้ำ มีกลิ่นเหม็นผิดปกติ เวลาเบ่งถ่ายอุจจาระมีติ่งเนื้อยื่นออกมาจากทวารหนักและมีเลือดออก มีการอึดอัดแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ และปวดท้องร่วมด้วย มีก้อนในท้อง น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลีย ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Life Cancer Center โทร 02-734-0000 ต่อ 272

มะเร็งปอด เช็กได้ ก่อนลุกลาม

[…] และสูบบุหรี่มากกว่า 30 มวน/ปี โดยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ชนิดปริมาณรังสีน้อย (Low Dose CT Scan) นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ ยังสามารถตรวจพบความผิดปกติในเบื้องต้น ได้จากการเอกซเรย์ปอด เช่น สามารถตรวจพบจุด หรือ ก้อนในปอดได้ หากพบว่า เริ่มมี ก้อน หรือ จุด ในปอด สามารถตรวจชิ้นเนื้อเพิ่มเติมได้ ซึ่งหากพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถหายขาดได้ แต่หากปล่อยให้ ก้อน หรือ จุด ในปอดโตขึ้น มะเร็งจะลุกลาม ยากต่อการรักษา และเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น หากใช้ชีวิตท่ามกลางปัจจัยเสี่ยง และมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพเป็นประจำ และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ก็สามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งปอดได้ หรือหากตรวจพบก็สามารถรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที อ่านต่อ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Life Cancer Center โทร. 02-734-0000 ต่อ 2720

TOP5 มะเร็งกับการคัดกรองมะเร็ง

[…] มีคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มีความผิดปกติของยีนFAP หรือ Lynch syndrome เคยส่องกล้องตรวจลำไส้แล้วพบว่ามีติ่งเนื้อในลำไส้ ไม่ออกกำลังกาย ภาวะอ้วนและน้ำหนักเกิน รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย เช่นผัก หรือผลไม้ รับประทานอาหารประเภทเนื้อแดงหรือเนื้อสัตว์แปรรูป ที่ผ่านความร้อนมากเกินไป คัดกรอง : ผู้ที่อายุ 45 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ทุกๆ 5 ปี มะเร็งปากมดลูก สาเหตุ :  ติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ และเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ คัดกรอง : ควรตรวจภายใน ตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) เพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี หรือ ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV จากเยื่อบุปากมดลูกทุก 3 ปี และ ผู้หญิงทุกคนควรได้รับวัคซีนป้องกัน HPV ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Life Cancer Center โทร 02-734-0000 ต่อ 2720

หมดความกังวลเมื่อต้องผ่าตัดมะเร็งเต้านม ด้วย 2 เทคนิคการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง

[…] คือการผ่าตัดก้อนเนื้อและบริเวณรอบ ๆ ที่เป็นเนื้อดีออก เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเซลล์มะเร็งแล้ว โดยคนไข้ต้องได้รับการฉายแสงเพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ และป้องกันการกระจายของโรค โดยการผ่าตัดสงวนเต้าจะไม่แนะนำในกลุ่มผู้ป่วยดังต่อไปนี้ ผู้หญิงตั้งครรภ์ เพราะไม่สามารถฉายแสงได้ กลุ่มที่มีหินปูนผิดปกติทั่วเต้านม มีก้อนเนื้อหลายก้อน เพราะการผ่าตัดด้วยแผลเดียว อาจจะเอาก้อนออกไม่หมด  กลุ่มที่มีความผิดปกติของก้อน (บางชนิดเท่านั้น)  กลุ่มที่เคยฉายแสงมาที่เต้านมมาก่อน เมื่อต้องฉายแสงซ้ำอาจเกินโดสที่เคยฉายไปแล้ว  มีโรคทางผิวหนังบางชนิด การผ่าตัดทั้งเต้า (Mastectomy) คือการผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด ซึ่งหลังจากผ่าตัดเต้านมไปแล้ว ยังมีเทคนิคการเสริมสร้างเต้านมใหม่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคนไข้ ได้แก่ วิธีการย้ายเนื้อเยื่อจากบริเวณอื่นของร่างกายเพื่อสร้างเต้านมใหม่, การเสริมเต้านมด้วยซิลิโคน, การใช้ Tissue expander หรือยืดผิวหนังหน้าอกก่อนใส่ซิลิโคน, และการเสริมเต้านมด้วยการ เติมไขมัน เพิ่มขนาดหน้าอก  ทั้งนี้ ศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดมะเร็งเต้านม จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและร่วมวางแผนการดูแลรักษาร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัว วิทยาการด้านการรักษาโรคทางเต้านม โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากมีเทคนิคการรักษาใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้น การเข้ารับการรักษากับศัลยแพทย์ที่มีความเฉพาะทางด้านเต้านมและมะเร็งเต้านม จะส่งผลต่อการวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แพทย์หญิงรับพรกล่าว ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Life Cancer Center โทร. 02-734-0000 ต่อ 2720

เคมีบำบัดชนิดรับประทาน หนึ่งในมาตรฐานยารักษาโรคมะเร็ง

[…] โดยส่วนใหญ่มักใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปตามสูตรยารักษาโรคมะเร็งที่เหมาะสม บางสูตร สามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบฉีดหรือแบบรับประทาน ขณะที่บางสูตรอาจต้องใช้ทั้งแบบฉีดและแบบรับประทานร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม แพทย์อาจพิจารณาให้ยาเคมีบำบัดแบบเม็ดให้กับผู้ป่วยที่เป็นระยะแพร่กระจายแล้ว เนื่องจากในระยะอื่น ๆ ยาเคมีบำบัดแบบฉีดจะมีประสิทธิภาพมากกว่า ขณะที่ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะดูจากระยะของโรคเป็นหลัก เช่น ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ระยะที่ 2 ที่มีความเสี่ยงสูง สามารถรับยาเคมีบำบัดแบบเม็ดในการรักษาได้ แต่หากเป็นผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ระยะ 3 หรือระยะ 4 อาจต้องใช้ยาเคมีบำบัด 2 ชนิดร่วมกันอย่างไรก็ตาม แม้ว่ายาเคมีบำบัดแบบเม็ดจะให้ความสะดวกต่อการรักษามากกว่า เนื่องจากไม่ต้องเจ็บปวดจากการแทงเข็มหาเส้นเลือด แต่ในด้านผลข้างเคียงแทบไม่ต่างกับยาเคมีบำบัดแบบฉีด เนื่องจากตัวยาส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติของร่างกายเหมือนกัน เช่น เม็ดเลือดขาวต่ำ มีอาการท้องเสีย เจ็บปลายมือปลายเท้า หรือมีแผลพุพองในปาก เป็นต้น ปัจจุบันยาเคมีบำบัดมีทั้งชนิดรับประทานและฉีด โดยแบบรับประทานมักจะให้ทุก 3 สัปดาห์ต่อครั้ง ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกอ่อนเพลีย หมดกำลังใจภายหลังได้รับยาเคมีบำบัด จึงอยากแนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งทุกคนอย่าเพิ่งหมดหวังกับการรักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพราะผู้ป่วยมีส่วนสำคัญในการที่จะทำให้การรักษานั้น ได้ผลดีและประสบความสำเร็จ นายแพทย์ธเนศกล่าว ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Life Cancer Center โทร. 02-734-0000 ต่อ 2720