บทความสุขภาพ

แฟชั่นสุดฮิพ “บิ๊กอาย – เจาะ – สัก”เท่ห์แลกติดโรค

Share:

แฟชั่นสุดฮิพ “บิ๊กอาย – เจาะ – สัก”เท่ห์แลกติดโรค แพทย์แนะปล่อยทุกอย่างเป็นธรรมชาติดีที่สุด

แพทย์เตือนวัยรุ่นระวัง “แฟชั่นสุดอันตราย” ทั้ง บิ๊กอายเพราะถ้าติดเชื้อมีสิทธิ์ถูก “ควักลูกตา” ขณะที่ การเจาะ การสัก ตามร่างกายบริเวณ เนื้อเยื่ออ่อนและอวัยวะเพศมีความเสี่ยงติดโรคร้ายทั้งไวรัสตับอักเสบบี เอดส์และโรคติดเชื้ออื่นๆ ชี้ปล่อยทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติดีที่สุด
ข่าววัยรุ่นติดเชื้อจากการใส่ “บิ๊กอาย” แฟชั่นสุดฮิพจากประเทศเกาหลีเมื่อเร็วๆนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์หนึ่งที่วัยรุ่นไทยควรจะเอาใจใส่ และศึกษาให้เห็นถึงอันตรายที่แฝงมากับแฟชั่น ทั้งนี้ไม่ใช่มีเพียงเฉพาะบิ๊กอายเท่านั้นที่จะทำอันตรายต่อตัวเอง แต่ยังมีแฟชั่นอีกหลายๆอย่างที่มีอันตรายไม่แพ้กัน เช่นการสัก การเจาะ ตามร่างกายที่เราๆท่านๆเห็นวัยรุ่นทำอยู่ในปัจจุบัน

แอ๊บแบ๊วด้วย“บิ๊กอาย” อันตรายถึงตาบอด

วัยรุ่นไทยทั่วประเทศจำนวนมากที่หันมาเห่อแฟชั่นคอนแทคเลนส์ขอบสีกว้างทำตาโต (Big eye) กันมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นผู้ประกอบการยังหัวใสคิดค้นผลิตคอนแทคเลนส์ลวดลายสีสันต่างๆ ที่ฉูดฉาดมากขึ้นแถมยังหาซื้อกันได้ง่าย เพียงแค่คลิ๊กสั่งซื้อผ่านอินเทอร์เน็ตหรือเดินไปซื้อตามตลาดนัด ก็จะสามารถ “แบ๊ว”ได้ทันใจ

นพ.วีรศักดิ์ แพร่ชินวงศ์ อายุรแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลเวชธานี บอกกับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์”ว่า คอนแทกต์เลนส์ถือเป็นวัสดุทางการแพทย์ ที่เหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาทางด้านสายตา แต่ไม่สามารถใช้แว่นสายตาได้ การตัดสินใจใช้คอนแทคเลนส์จึงควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาโดยเฉพาะ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคอน แทกต์เลนส์ชนิดใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คือ การระมัดระวังเรื่องความสะอาด เนื่องจากคอนแทกต์เลนส์ต้องสัมผัสกับกระจกตาโดยตรง และเป็นระยะเวลานาน หากคอนแทกต์เลนส์สกปรก จะทำให้เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา และอาจลุกลามถึงขั้นตาบอดได้ภายใน 2 วัน

การใช้คอนแทกต์เลนส์ที่ถูกวิธี ต้องเก็บรักษาในน้ำยาแช่คอนแทกต์เลนส์โดยเฉพาะ และปิดฝาให้สนิท เปลี่ยนน้ำยาแช่เลนส์ทุกครั้งที่ใช้ ห้ามล้างคอนแทกต์เลนส์ด้วยน้ำประปา เนื่องจากสารคลอรีนที่อยู่น้ำประปาอาจกัดกร่อนเลนส์ ทำให้เลนส์เสื่อมสภาพ ขุ่นมัว หรืออาจมีสิ่งเจือปนทำให้เลนส์สกปรกได้ และต้องล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง

“วัยรุ่นที่นิยมใส่คอนแท็กต์เลนส์ตามแฟชั่น ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากๆ เพราะนอกจากเสี่ยงต่อตาบอดแล้ว ยังพบว่ามีวัยรุ่นบางกลุ่มแยกกันซื้อคอนแท็กต์เลนส์ คนละแบบแล้วนำมาแลกเปลี่ยนกันใส่ ซึ่งสามารถทำให้ติดเชื้อเอดส์หรือเชื้อไวรัสชนิดบีได้”

สัก – เจาะ เจ็บแถมเสี่ยงตาย

นอกจากบิ๊กอายแล้วยังมีวัยรุ่นจำนวนมากที่นิยมการสัก การเจาะอวัยวะต่างๆของร่างกาย ทั้งการเจาะลิ้น ปาก คิ้ว สะดือ หัวนม ไม่เว้นแม้แต่จุดลับของผู้หญิง ทั้งนี้โดยพฤติกรรรมการเจาะหรือสักของกลุ่มวัยรุ่นนั้น ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจที่ส่วนมากทำตามกลุ่มเพื่อน เลือกใช้บริการเจาะหูหรือการสักร่างกายตามร้านค้าที่เปิดให้บริการ ที่แต่ละร้านมีกลยุทธ์เรียกลูกค้าด้วยหลากหลายวิธี

นพ.วีรศักดิ์ อธิบายว่าการเจาะผิวหนังที่นิยม คือ บริเวณติ่งหู อาจเจาะมากกว่า 1 รู ตามความชอบของแต่ละบุคคล ในบางรายเจาะเป็นช่องขนาดใหญ่จนใส่ถ่านไฟฉายได้ ส่วนบริเวณอื่น ๆ ที่มีการเจาะ เช่น ใบหูด้านบนและติ่งหูด้านใน จะเจาะผ่านกระดูกอ่อนเป็นช่องขนาดใหญ่กว่าห่วงตุ้มหูเพื่อให้ทำความสะอาดง่าย แผลจะหายช้ามาก ปีกจมูก นิยมเจาะบริเวณร่องจมูกซึ่งติดกับสันจมูกผนังกั้นช่องจมูกเหนือ ริมฝีปากบน เจาะระหว่างรอยต่อของกระดูกอ่อนของผนังกั้นช่องจมูก กับเนื้อของจมูกซึ่งหักจากปลายจมูก ต่อกับร่องริมฝีปากบน เมื่อใส่ห่วงจะห้อยลง

ส่วนคิ้ว เจาะได้ตลอดแนวคิ้ว แต่นิยมเจาะปลายคิ้วริมฝีปาก เจาะบริเวณใดก็ได้ตลอดแนวริมฝีปาก โดยเจาะให้รูเจาะด้านหนึ่งอยู่นอกริมฝีปาก อาจใส่เป็นห่วงหรือตุ้มประดับ ขณะที่คนที่เจาะง่ามนิ้ว มักเจาะง่ามนิ้วระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ เนื่องจากมือจะต้องใช้งานจึงทำให้แผลหายยาก ส่วนหัวนม พบว่า แผลบริเวณนี้จะหายช้า สะดือนิยมใน ผู้หญิงในสมัยโบราณ ชาว อียิปต์นิยมการเจาะผิวหนังบริเวณสะดือเช่นกัน แผลจากการเจาะบริเวณสะดือจะหายช้ามาก

ลิ้น เจาะบริเวณกลางลิ้น ห่างจากปลายลิ้น 1 นิ้ว เพื่อมิให้เจาะทะลุผ่านหลอดเลือด เครื่องประดับที่นิยมใส่เป็นลักษณะตุ้ม

การดูแลหลังเจาะจะเหมือนการเจาะหู แต่แผลบริเวณหัวนมและสะดือจะหายช้ากว่า ส่วนการเจาะผิวหนังในช่องปาก จะมีเลือดออกมากโดยเฉพาะบริเวณลิ้นซึ่งมีหลอดเลือดขนาดใหญ่ ถ้าการเจาะทะลุผ่านหลอดเลือดอาจเสียเลือดมาก และ การติดเชื้อในช่องปาก จะพบสูงกว่าการเจาะผิวหนังบริเวณอื่น

ส่วนการเจาะลิ้นนอกจากมีปัญหาเลือดออก ยังเกิดเลือดคั่งหลังเจาะ บางครั้งแผลจะบวม เจ็บปวดมากทำให้รับประทานอาหารไม่สะดวก น้ำลายออกมาก การดูแลแผลจะยุ่งยากและ เกิดการติดเชื้อสูง ส่วนปัญหาระยะยาว คือเครื่องประดับที่ใส่ลิ้น จะกระทบกับฟันทำให้ฟันสึกบิ่นหรือหัก บางรายอาจทำให้รากฟันตาย อีกทั้งการใส่ตุ้มประดับในช่องปาก ยังเป็นที่หมักหมมของเศษอาหารทำให้เกิดการอักเสบ มีกลิ่นปาก พูดไม่ชัดเกิดปัญหาในการสื่อสาร

สำหรับผู้หญิงบางกลุ่มที่ไม่ควรเจาะผิวหนัง เช่น ผู้ที่เป็นโรคโลหิตไหลไม่หยุดหรือที่เรียกว่าฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) โรค ภูมิแพ้ผิวหนังและพุพอง โรคลิ้นหัวใจพิการ และผู้ที่แพ้เครื่องประดับที่เป็นโลหะโดยเฉพาะโลหะนิเกิล ย่อมเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ง่าย

“ ที่สำคัญการเจาะอวัยวะเพศหญิงนอกจากจะเจ็บปวดและรำคาญแล้ว การเสียดสีบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดการอักเสบได้ อีกทั้งบริเวณดังกล่าวมีความอับชื้น มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงมาก อาจก่อให้เกิดบาดแผล อักเสบ บวมแดง ติดเชื้อตามมา ซึ่งเชื้อโรคอาจลุกลามไปยังปีกมดลูก ท่อปัสสาวะ และไต หากมีการติดเชื้อไปในกระแสโลหิตอาจทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน”

รู้อย่างนี้แล้ววัยรุ่นทั้งหลาย ที่คิดจะไปใส่บิ๊กอาย หรือเจาะ สัก ตามแฟชั่นสมัยนิยม ขอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงทำสิ่งอื่นใด ๆ บริเวณอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในชีวิต แต่หากใครที่อดใจไม่ได้ก็ควรเตือนตัวเองไว้ เลือกผู้ที่ชำนาญหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้เจาะให้จะดีกว่า ถ้าไม่ยากได้ของแถมเป็นเชื้อโรคติดมือกลับมาบ้านรบกวนสุขภาพของคุณในภายหลัง


ข้อมูลจาก นสพ.ผู้จัดการรายสัปดาห์ 28 ก.พ. – 6 มี.ค.54

  • Readers Rating
  • Rated 5 stars
    5 / 5 (2 )
  • Your Rating