บทความสุขภาพ

หัวใจโต เกิดจากอะไร

Share:

หัวใจโต เกิดจากอะไร

หัวใจโต เกิดจากขนาดหัวใจที่โตกว่าปกติ แบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ หัวใจโตจากกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวกว่าปกติ ลองนึกภาพคนเล่นกล้าม นักเพาะกาย กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นเพราะทำงานหนัก กล้ามเนื้อหัวใจก็เช่นกัน หากต้องทำงานหนัก บีบตัวมากๆ เช่น ในกรณีความดันโลหิตสูง หรือลิ้นหัวใจตีบ ก็ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นได้ อีกประการหนึ่งคือขนาดของหัวใจโตขึ้นเพราะกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวไม่ดี มีเลือดคั่งในห้องหัวใจคล้ายลูกโป่งใส่น้ำทำให้ขนาดหัวใจโตขึ้น มีหลายโรคที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจโต เช่นความดันโลหิตสูง ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว หัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย เบาหวาน เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วโรคของกล้ามเนื้อหัวใจที่หนากว่าปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ โรคหัวใจจากแอลกอฮอล์ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งเช่นกัน

อาการของ หัวใจโต

ผู้ที่หัวใจโตส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแสดงอาการถ้าหัวใจยังทำงานได้ปกติ แต่หากหัวใจทำงานผิดปกติจะเกิดอาการต่างๆ ดังนี้

  •  หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
  • หายใจเร็ว
  • เวียนศีรษะ อ่อนเพลียง่าย
  • ใจสั่น
  • บวมบริเวณเท้าตอนสายๆ
  • ไอโดยเฉพาะเวลานอน
  • นอนราบไม่ได้เนื่องจากแน่นหน้าอก

สาเหตุของหัวใจโต

ในผู้ป่วยบางรายอาจเป็นโรคหัวใจโตโดยไม่มีสาเหตุ แต่พบได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้

  • ความดันโลหิตสูง จะทำให้หัวใจทำงานหนักจึงทำให้ภาวะหัวใจโต
  • โรคลิ้นหัวใจ ไม่ว่าจะลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่ว หรือมีการอักเสบติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจโรคต่างๆเหล่านี้จะทำให้เกิดหัวใจโต
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจที่เรียกว่า Cardiomyopathy เช่นผู้ที่ดื่มสุราต่อเนื่องเป็นเวลานานกล้ามเนื้อหัวใจจะถูกทำลายทำให้หัวใจโต
  • โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเช่นผนังหัวใจรั่ว
  • โรคหัวใจเต้นผิดปกติหรือโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • โรคความดันในปอดสูง
  • ผู้ป่วยโลหิตจางหรือซีดเป็นเวลานาน
  • โรคต่อมไทรอยด์ไม่ว่าจะเกิดจากต่อมไทรอยด์ทำงานมากไปหรือน้อยไปก็ทำให้เกิดหัวใจโตได้
  • รับประทานธาตุเหล็กมากเกินไปจนทำให้เกิดโรคHemochromatosis
  • มีโปรตีนสะสมในกล้ามเนื้อหัวใจ หรือที่เรียกว่า Amyloidosis

ป้องกันหัวใจโตได้อย่างไร

การป้องกันหัวใจโต คือการป้องกันไม่ให้เกิดโรคที่เป็นสาเหตุทำให้หัวใจโตแนวทางป้องกันมีดังนี้

  1. สำหรับท่านที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เช่น อ้วนไม่ได้ออกกำลัง มีประวัติครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง ท่านจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสในการเกิดความดันโลหิตสูง สำหรับท่านที่มีความดันโลหิตสูงแล้วท่านต้องรับประทานยาและปฏิบัติตามแพทย์สั่งโดยเคร่งครัด
  2. สำหรับโรคทางพันธุกรรมคงจะหลีกเลี่ยงยาก แต่ท่านอาจจะหยุดโรคโดยสอบประวัติครอบครัว หากภรรยา/สามี มีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว ท่านควรปรึกษาแพทย์
  3. รักษาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

การตรวจเพื่อหาสาเหตุของหัวใจโต

  • การตรวจรังสีปอดและหัวใจซึ่งจะบอกได้ว่าหัวใจโตหรือไม่ แต่ไม่ได้บอกสาเหตุของหัวใจโต เป็นการตรวจเบื้องต้นเท่านั้น
  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งจะวัดไฟฟ้าหัวใจว่าหัวใจเต้นผิดปกติหรือไม่ และกล้ามเนื้อหัวใจหนาหรือไม่
  • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงซึ่งจะบอกว่ากล้ามเนื้อหัวใจหนาหรือไม่ การบีบตัวของหัวใจเป็นอย่างไร ยังสามารถดูลิ้นหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ
  • การตรวจ computer scan ซึ่งจะให้รายละเอียดของหัวใจค่อนข้างมาก
  • การเจาะเลือดตรวจ
  • ในรายที่จำเป็นอาจจะต้องฉีดสีเพื่อดูเส้นเลือดหัวใจ และอาจต้องตัดชิ้นเนื้อหัวใจส่งตรวจ

การรักษาหัวใจโต

การรักษาหัวใจโตจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาที่ต้นเหตุ แต่หากผู้ป่วยเกิดก็จำเป็นต้องได้ยาเพื่อรักษาอาการโดยยาที่มักจะใช้ได้แก่

  • ยาขับปัสสาวะ ซึ่งมีหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม เช่น furosemide, spironolactone , hydrochlorothaizideใช้ในกรณีที่มีอาการบวม และ หัวใจวาย
  • Angiotensin-converting enzyme (ACE) inhibitors ใช้ลดความดันและรักษาอาการหัวใจวาย
  • Angiotensin receptor blockers (ARBs)ใช้ลดความดันและรักษาอาการหัวใจวาย
  • Beta blockers ใช้ลดความดันและอาการหัวใจวาย
  • Digoxin ใช้รักษากรณีที่หัวใจเต้นผิดปกติ

การรักษาอื่นๆ ที่อาจจะมีความจำเป็น

  • สำหรับผู้ที่หัวใจเต้นผิดปกติก็อาจจะจำเป็นต้องใช้เครื่องควบคุมการเต้นของหัวใจ
  • การผ่าตัด โดยเฉพาะผู้ที่มีความผิดปกติของลิ้นหัวใจ
  • การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
  •  การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
    นอกจากจะใช้ยาแล้วการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะทำให้ควบคุมอาการได้ดียิ่งขึ้น
  • หยุดสูบบุหรี่
  • ลดน้ำหนัก
  • รับประทานอาหารจืด
  • ควบคุมเบาหวาน
  • ควบคุมความดันให้เหมาะสม
  •  ออกกำลังกาย
  • นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง

หากพบว่ามีอาการผิดปกติดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษา โดยแพทย์ จะต้องประเมินอาการของท่านให้ดีเพราะบางครั้งอาการต่างๆค่อยๆเป็นไปจนกระทั่งคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ท่านอาจจะเปรียบเทียบกับคนที่อยู่ในวัยเดียวกันและมีวิถีชีวิตคล้ายกัน หากมีอาการมากกว่าหรือไม่แน่ใจให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายแต่โดยทั่วไปแล้ว การตรวจร่างกายจะมุ่งหาสาเหตุของหัวใจโตมากกว่าที่จะบอกขนาดของหัวใจ การตรวจที่จำเป็นคือคลื่นไฟฟ้าหัวใจและเอกซเรย์ทรวงอก (ปอดและหัวใจ) หากกล้ามเนื้อหัวใจหนากว่าปกติมากหรือเคยมีปัญหา กล้ามเนื้อหัวใจตายมาก่อนจะแสดงให้เห็นจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ แต่อย่างไรก็ตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นการตรวจที่มีความไวต่ำ หมายความว่าแม้คลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติก็มิได้หมายความว่าหัวใจไม่โต หรือไม่มีโรคหัวใจขาดเลือด คลื่นไฟฟ้าหัวใจอาจบอกว่าโต แต่จริงๆแล้วไม่โตก็ได้ เอกซเรย์ทรวงอกบอกขนาดหัวใจได้ดีพอสมควร ขึ้นอยู่กับเทคนิค ระยะห่างระหว่างหัวใจกับฟิล์ม การหายใจ เป็นต้น

บ่อยครั้งที่ดูว่าหัวใจโตจากเอกซเรย์ แต่จริงๆแล้วขนาดหัวใจปกติในทางกลับกันเอกซเรย์บอกว่าปกติแต่ความจริงมีกล้ามเนื้อหัวใจหนาปกติก็เป็นได้ ต้องเข้าใจว่าการตรวจเหล่านี้ล้วนมีข้อจำกัด บ่อยครั้งที่แพทย์สั่งตรวจหลายๆอย่างเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุดเพื่อวินิจฉัยและประเมินการรักษา

  • Readers Rating
  • Rated 3.5 stars
    3.5 / 5 (49 )
  • Your Rating